HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 23/04/2555 ]
ญวณตื่นโรคผิวหนังลึกลับผิวลอกผมร่วงดับเกือบ20

เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก(ยู)เตือนว่าขณะนี้พบโรคผิวหนังลึกลับระบาดในประเทศเวียดนามมานานกว่า 1 ปี แล้ว แต่ยังไม่พบสาเหตุชัดเจนว่าเป็นเชื้อโรคตัวใด โดยข้อมูลแพทย์เวียดนามระบุว่าพื้นที่แห่งแรกพบโรคดังกล่าวเป็นบริเวณเมืองบาโถจ.กวางงาย มีผู้เชื้อและล้มป่วยเกือบ 200 คน เสียชีวิตแล้ว 19 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เหลือล้มป่วยประมาณ 170 คน ช่วงวันที่ 27 มีนาคม-5 เมษายนที่ผ่านมาโรคกลับ มาระบาดหนักอีกครั้งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน อาการของผู้ติดเชื้อเบื้องต้น จะเริ่มที่ผิวหนังมีอาการปุ่มบวม คันนิ้วมือนิ้วเท้าหลังจากนั้น 4-7 วันผิวหนังตามร่างกายจะเริ่มหลุดลอกเส้นผมหลุดร่วงสุดท้ายตับและอวัยวะต่างๆภายในร่างกายจะทำงานผิดปกติทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่วัน ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(ซีดีซีพี)ของรัฐบาลสหรัฐได้ส่งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจข้อมูลของโรคลึกลับแล้วอย่างเร่งด่วน
         รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่าได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอต่ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่ระบุได้ชัดว่าเป็นโรคผิวหนังหรือโรคอะไรแต่อการเกิดจากผิดหนังก่อนซึ่งตนพยายามเข้าไปหาข้อมูลรูปภาพของโรคนี้ในอินเทอร์เน็ตแต่ยังไม่มีการเผยแพร่ออกมาจึงอยากเตือนคนไทยที่เดินทางกลับจากเวียดนามว่า หากมมีอาการคันผิดปกติที่ร่างกายให้ไปโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผิวหนังโดยตรงไม่ควร ไปคลินิกผิวหนังทั่วไปหรือคลินิกเสริมความงามเพราะต้องตรวจละเอียดทั้งตรวจเลือด หรือตัดชิ้นเนิ้อไปตรวจ เนื่องจากเชื้อตัวที่กำลังระบาดนี้ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ อาจเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงหากใครจำเป็นต้องไปคบินิกก็เลือกที่มีแพทย์จบด้านผิวหนังมาโดยตรงเท่านั้น ไม่ควรไปหาคลินิกเสริมความงามแฟรนไชส์ตามห้างสรรพสินค้า เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีแพทย์ด้านผิวหนังโดยตรง อาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดได้
          ทั้งนี้"คม ชัด ลึก" ได้รับการร้องเรียนคลินิกผิวหนังจำนวนมากที่รัษาคนใข้โดยไม่ได้มาตรฐานโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎระเบียบต่างๆทำให้ลูกค้าหลายคนได้รับอันตรายเสี่ยงต่อการเสียโฉมและต้องเสียเงินจำนวนมากจากการใช้คลินิกเหล่านี้ แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะพยายามควบคุม แต่เนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่ยังรู้ไม่เท่าทันกลยุทธ์ของคบินิกเหล่านี้จึงไม่ได้เก็บหลักฐานเพื่อนำมาแจ้งความดำเนินคดีคลินิกเหล่านี้สามารถหลอกขายคอร์สราคาแพงให้เหยื่อรายใหม่ต่อไป
          อาจารย์แพทย์ผิวหนังง(สงวนนาม)ผู้คลุกคลีกับธุรกิจเสริมความงามมาหลายสิบปี เปิดเผยกับ"คม ชัด ลึก" ว่า ขณะนี้มีการเปิดให้บริการคลินิกเสริมความงามจำนวนมากโดยอ้างว่าผู้รักษาเป็ฯหมอหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่ไม่ได้จบประกาศนียบัตร"แพทย์ผิวหนัง"หรือเดอร์มาโทโลจิสต์(Dwemalologist)เป็นเพียงแพทย์ด้านอายุกรรมทั่วไปหรือสาขาอื่นๆแล้วอยากหาเงินหรือรายได้เพิ่มเติมจึงแอบอ้างว่าเป็นอันตรายมากนักเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการเพียงแค่ดูดสิว,ทำตา 2 ชั้น, นวดหน้าหรือนวดตัวเพื่อสลายไขมันแต่เมื่อสิบปีที่ผ่านมาการให้บริหการของคลินิกเหล่านี้เริ่มขยายตัวมีบริการใหเลือกหลากหลายมากขึ้น และต้องใช้เทคนิคของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าเดิมเช่น เสริมคาง,ดึงหน้า,ฉีดโบท็อกซ์,สบายไขมัน,ยิงเลเซอร์ด้วยรังสีอินฟราเรด ยกกระชับผิวหน้าด้วยการร้อยเส้นทองคำหรือการทำศัลยกรรมผิวลึกลับเข้าไประดับเชลล์รวมถึงการใช้เครื่องมือไฮเทคเพื่อสลายไขมันรูปแบบต่างๆ
          "การทำศัลยกรรมความงามที่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อนเช่นเลเซอร์อินฟราเรด ผ่าดูดไขมันฉีดโบท็อกซ์ผ่าเสริมคางฯลฯควรให้หมอที่จบด้านผิวหนังเป็นคนทำเพราะเขาเรียนมาโดยตรงเมื่อเกิดผัญหาขึ้นจะได้รีบแก้ไขทัน แต่คลินิกเหล่านี้ไม่ได้จ้างแพทย์ผิวหนังโดยตรง แต่จ้างหมอที่จบหม่ด้านที่ไม่เกี่ยวข้องหรือหมออายุรกรรมทั่วไป แล้วเอามาฝึกสอนให้ใช้เครื่องมือและหรือสั่งยารักษาผิวหนังบางรายก็ให้เซลส์แมนที่ขายเครื่องมือเป็นคนสอนหมอว่าต้องทำอย่างไรบ้าง หบายครั้งที่คนไข้เกิดความผิดปกติขึ้นระหว่างผ่าตัดหรือฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกายถ้าแพทย์ผิวหนังจะรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร เขาจะเตรียมเครื่องมือไว้เลย แต่ถ้าหมอทั่วไปอาจคาดไม่ถึงไม่ได้เตรียมแฟนหรืออุปกรณ์ป้องกันไว้ คนไข้จะอาการหนัก หรือเมื่อทำสำเร็จแล้วเกิดอาการแพ้รุนแรงหรือไม่สวยอย่างที่ลูกค้า ต้องการหมอจะแก้ไขถูกต้องได้ถ้าเป็นหมอที่ไม่เชี่ยวชาญอาจแก้ไขให้หน้าและแย่ยิ่งกว่าเดิมเหมือนที่เห็นในข่าวทีวี จึงอยากเตือนทุกคนให้รู้เท่าทันเรื่องนี้ โดยเฉพาะคบินิกเสริมความงามที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ วิธีดีที่สุดคือการขอดูใบประกาศนียบัตรว่าหมอจบด้านอะไรมากันแน่ เพื่อความปลอดภัยควรรักษาเฉพาะกับแพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านผิวหนังเท่านั้นโดยเฉพาะที่ต่างจังหวัด" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเตือน
          ทีมข่าว"คม ชัด ลึก"ออกสำรวจแหล่งใหญ่ของคลินิกเสริมความงามบริเวณย่านสยามและมาบุญครอง พบว่ามีคลินิกตั้งเรียงรายอยู่ไม่ต่ำกว่า 30 ร้านทั้งห้องเล็กและห้องใหญ่หรืออาจอยู่บนชั้น 2 ของร้านขายเสื้อผ้าเมื่อผู้สื่อข่าวลองเข้าไปขอสำรวจราคาค่าบริการและขอดูใบประกาศนียบัตรของแพทย์ผู้รักษาว่าจบด้านแพทย์ผิวหนังมาหรือไม่ปรากฏว่ามี3กลุ่มคือกลุ่มแรกเป็นร้านที่ไม่มีเอกสารเกี่ยวกับแพทยผู้รักษาเลยเมื่อสอบถามรายละเอียดเจ้าหน้าที่ประจำคลินิกจะไม่ให้ดูพร้อมอ้างว่าไม่ได้เตรียมไว้กลุ่มที่2จะมีประกาศนียบัตรใส่กรอบวางไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่เมื่อขดูรายละเอียดใกล้ๆ พบว่าใบอนุญาตให้เปิดคลินิกเท่านั้นเมื่อถามรายละเอียดเกี่ยวกับแพทย์ว่าจบด้านใดมา เจ้าหน้าที่จะบ่ายเบี่ยงอ่างไม่รู้หรือให้รอถามแพทย์ด้วยตัวเองกลุ้มที่ 3 คือ มีรายละเอียดของแพทย์ติดไว้ที่ผนังด้านข้างว่าจบจากสถาบันการศึกษาใดบางร้านจะมีรายละเอียดด้วยว่าจบด้านอายุกรรมด้านศัลยกรรม ฯลฯ พร้อมระบุว่ามีการเรียนเพิ่มเติมด้านผิวหนังจากสถาบันต่างๆทั้งนี้มีเพียงคลินิกแห่งเดียวที่เจ้าหน้าที่จะชื่อแพทย์พร้อมขอให้ไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซด์
          นพ.อุดมศักดิ์ วงศ์ปารมี อนุกรรมการประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลว่าปัจจุบันเทคโนโลยีด้านความงามมีหลากหลายให้เลือก สามารถรักษาความผิดปกติของผิวหนังได้ชะลอหนังเหี่ยวย่นได้ได้ แต่จะมีผลข้างเคียงมากขึ้น เช่นเลเซอร์ที่ใช้ยิงผิวหนังจะให้แสงเข้มข้นสู.หรือคลื่นวิทยุใช้ก็แรงขึ้น ผลข้างเคียงเหล่านี้ทำให้ ผิวหนังเกิดอาการเจ็บปวดได้ทั้งระยะสั้นและยาว เช่น ผิวบวมแดงพอง แสบร้อนมีรอยไหม้เลือดหรือน้ำเหลืองซึม ผิวจาง ฯลฯ ดังนั้นแพทย์ที่จะใช้เครื่องมือไฮเทคเหล่านี้ควรเป็นแพทย์เท่านั้นหรือแพทย์ที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของแพทยสภามีวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง และเครื่องมือที่ใช้ก็ต้องผ่านมาตรฐานทางวิชาการและความปลอดภัยของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)พร้อมเตือนอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือคาดหวังมากกว่าแพทย์จะช่วยรักษาได้ทุกอย่าง        
          นพ.สุทัศน์ ดวงดีเด่น แพทย์ผิวหนังหนึ่งในอนุกรรมการจริยธรรม แพทยสภา เปิดเผยว่าในแต่ละปีมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจาก คลิกนิกเสริมความงามเหล่านี้จำนวนมากเฉพาะที่มาร้องเรียนแพทยสภาเมื่อปี 2554 มีกว่า 400 คดี หลายคนตาบอดจากจากใช้เครื่องมือผิดวิธีบางรายโดนฉีดสารเข้าเส้นเลือดแล้วทำให้เนื้อหน้าเบี้ยวออกมา นอกจากนั้ยีงพบว่ามีการใช้สารแปลกปลอมหรือยาปลอมฉีดให้คนไข้ด้วย เช่น อ้างว่าฉีดคอลลาเจนให้คนไข้แต่สารที่ฉีดจริงเป็นเพียงซิลิโคนเท่านั้น ปัญหานี้สาวประเภทสองเจอเยอะมากดังนั้นจึงอยากเตือนให้ผู้บริโภคตรวจสอบให้ดีว่า คลินิกที่เข้าไปใช้บริการนั้นเป็นแพทย์หรือหมอที่จบมาด้านผิวหนังโดยตรงจริงๆมีใบรับรองจากแพทยสภา ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีทั้งหมด 470 กว่าคนเท่านั้นสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซด์ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย http://www.dst.or.thหรือสอบถามที่เบอร์0-2716-6857อีเมล contact@dst.or.th
          "คลินิกพวกนี้มีเทคนิคเยอะเช่น เลี่ยงไปใช้คำว่า "แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ"หรือ"แพทย์ด้สนผิวพรรณ"ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีสาขานี้จะให้ถูกต้องมีเพียง"แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง"เท่านั้นเมื่อมีคนมาร้องเรียนแล้วไปตรวจเขาก็รีบเอาออกอ้างว่าไม่รู้ทางแพทยสภาทำได้แค่ตักเตือนเท่านั้นปัญหาที่น่าห่วงที่สุดคือประชาชนเชื่อโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์หรือเคเบิลทีวี โดนหลอกง่ายมากไม่รู้เลยว่าเป็ฯพวกอวดอ้างคุณสมบัติเกินจริงบางแห่งก็ใช้ดารคนดังมาถ่ายรูปโฆษณาก็เชื่อแล้วว่าจริง ขอเตือนว่าก่อนจ่ายเงินให้คลินิกไหนก็ขอชื่อหมอมาเช็กในเว็ปไซด์หรือโทรศัพท์สอบถามให้แน่ใจก่อนเพราะเกิดผิดพลาดแล้วรักษายาก"


pageview  1205112    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved