เจ็บแน่นหน้าอก บางครั้งก็เจ็บจี๊ดๆ บางครั้งก็เจ็บแน่นตรงกลาง อย่าวางใจเพราะอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาจเป็นสัญญาณเตือนจะเป็นโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ
อาการเจ็บแน่นหน้าอกที่คนส่วนใหญ่กังวลนั้น อาจเกิดจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคกระเพาะอาหารหรือบางครั้งอาจเกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกก็เป็นได้
อาการเจ็บหน้าอก
หากเจ็บแปล๊บๆ จี๊ดๆ อยู่ดีๆ ก็เจ็บ ซึ่งไม่สัมพันธ์กับการออกแรงหรือออกกำลังกาย อาจเจ็บเวลาที่เราขยับตัว เกิดจากการเคลื่อนไหวผิดท่า ผิดจังหวะ หรือจากความเครียด เป็นอยู่ประมาณ 1-2 อาทิตย์ แล้วอาการก็หายไป
ถ้าเป็นแบบนี้ เป็นการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกอักเสบ เพราะกล้ามเนื้อถูกยืด ดึง รั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย หากเป็นบ่อยๆ อาจทานยาเพื่อช่วยให้หายเร็วขึ้น
แต่หากจุดเกิดเหตุอยู่ตรงกลางหน้าอกเจ็บแน่นหน้าอกแล้วร้าวไปที่กราม หลัง ไหล่ซ้าย ต้นแขนซ้าย หรือลงไปถึงลิ้นปี่ แต่ไม่ถึงสะดือ อาการสัมพันธ์กับการออกแรง หรือออกกำลังกาย แบบนี้นี่แหละที่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือด
สาเหตุ
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดจากหลอดเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพของหลอดเลือด ตามวัย รวมไปถึงมีไขมันในหลอดเลือดสูง ซึ่งไขมันพวกนี้จะเกาะตัวสะสมตามผนังหลอดเลือดยิ่งในคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะยิ่งทำให้ไขมันมาเกาะตัวได้มากขึ้น ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเป็นเหตุให้หลอดเลือดอุดตันได้ง่ายยิ่ง ขึ้นด้วย
ปัจจัยเสี่ยง
- อายุที่มากขึ้น อวัยวะต่างๆ ถูกใช้มานาน ย่อมเสื่อมไปตามสภาพ
- เพศ โดยตามสถิติแล้วผู้ชายมีโอกาสเป็นได้มากกว่าผู้หญิง
- เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงรวมไปถึงการสูบบุหรี่
- พันธุกรรม หากพบว่าในครอบครัวที่มีผู้ชายอายุน้อยกว่า 55 ปี หรือผู้หญิงอายุน้อยกว่า 65 ปี เป็นโรคหัวใจ เท่ากับเรามีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้มากกว่าคนทั่วไป
เจ็บแค่ไหนต้องมาพบหมอ
เมื่อพิจารณาตามอาการดังกล่าวแล้ว หากเข้าข่ายหรือสงสัยว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ควรรีบมาพบคุณหมอเพื่อตรวจเช็ก แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งเดียวก็ตาม เพื่อจะได้รักษาในขณะที่อาการยังไม่มาก เพราะหากปล่อยไว้ จะกลายเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันการรักษาจะยิ่งยากขึ้น และจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจลดลง
หากเกิดภาวะนี้ ต้องนั่งพัก งดกิจกรรม งดการออกแรง หากมียาอมใต้ลิ้นก็ให้อมยา หากนั่งพักประมาณ 10-20 นาทีแล้วยังไม่หาย ควรรีบมาพบคุณหมอทันที
การวินิจฉัยและการรักษา
เมื่อคุณหมอซักประวัติและตรวจร่างกายคนไข้แล้ว พบว่ามีลักษณะเข้าได้กับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจะทำการส่งตรวจ ECG (คลื่นไฟฟ้าหัวใจ) ร่วมกับการตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ เพื่อดูเอนไซม์ของกล้ามเนื้อหัวใจ เนื่องจากในคนที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จะมีเอนไซม์ตัวหนึ่งหลั่งออกมา เรียกว่า Troponin หากผลออกมาเป็นบวก แสดงว่ามีภาวะของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เป็น หากเส้นเลือดตีบไม่มาก เจ็บบางครั้งคราว มักจะรักษาโดยการให้ยา และควบคุมการใช้ชีวิตแต่หากมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ต้องให้ยาละลายลิ่มเลือด และหากเกิดอาการอุดตันจนเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้เลย ก็จะต้องรักษาด้วยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจทันที รับประทานยา ต่อเนื่อง และติดตามอาการเพื่อรักษาต่อไป
"โรคหัวใจ เป็นโรคที่รักษาแล้วไม่หายขาด อาจจะหายจากตีบตันตรงนี้ แต่ไปตีบตันที่อื่นจึงจำเป็นต้องทานยาไปตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ เพื่อให้อาการดีขึ้น และใช้ชีวิตได้ตามปกติ เราจึงควรป้องกันโดยการดูแลสุขภาพให้ดี นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ หากใครที่มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ก็จะต้องควบคุมให้ดี เมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไปควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และหากมีอาการที่น่าสงสัยให้รีบมาพบหมอทันที"
อาการเจ็บแน่นหน้าอก 3 ลักษณะที่พึงสังเกต
1. เจ็บแน่นหน้าอกตรงกลางเหมือนมีอะไรมาทับ ร้าวไปที่กราม แขน ไหล่ หรือลิ้นปี่
2. เจ็บแน่นหน้าอกที่สัมพันธ์กับการออกแรง หรือออกกำลังกาย
3. อาการเจ็บแน่นหน้าอกดีขึ้นเมื่อนั่งพัก หรือเมื่ออมยาใต้ลิ้น
หากมีอาการครบทั้ง 3 ข้อ มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดค่อนข้างชัดเจน แพทย์จะส่งตรวจเพื่อทำการรักษาต่อไป แต่ถ้ามีไม่ครบ ควรมาตรวจคัดกรอง โดยการวิ่งสายพาน เพื่อให้แน่ใจว่ามีปัญหาโรคหัวใจหรือไม่
นายแพทย์ธนัญชัย ธนสัมฤทธิ์
อายุรแพทย์ โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์