HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 14/10/2556 ]
"ปวดท้อง" อาการที่ไม่ควรมองข้าม

 

  พญ.พอหทัย พิทักษ์พงศ์ศิริ
          อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โทรคทางเดินอาหารและโรคตับ 
          รพ.ปิยะเวท โทร-0-2625-6555
          ช่องท้องเป็นแหล่งรวมอวัยวะที่มีความสำคัญหลายชนิด ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ำดี ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ อาการปวดท้องไม่ว่าจะมากหรือน้อยจึงเป็นสัญญาณความเสี่ยงเตือนว่าร่างกายกำลังเกิดความผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างที่เราไม่คาดคิดในภายหลัง
          หนึ่งในโรคเหล่านั้นคือ มะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่พบบ่อยเป็นลำดับ 3 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ และยังแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไทยมีโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
          มะเร็งเป็นโรคที่มีระยะเวลาการก่อโรคยาวนาน ใช้เวลาหลายปีกว่าจะปรากฎอาการผิดปกติ ผู้ที่เป็นส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว ทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพประจำปี แม้ว่าจะแข็งแรงอยู่แล้วหรือไม่เคยเจ็บป่วยเลยก็ตาม เพราะจะช่วยให้เรารู้สถานะสุขภาพของตนเอง และเฝ้าระวังความผิดปกติ พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
          ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป และรับประทานผักผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารน้อยทำให้เกิดอาการท้องผูกท้องเสียบ่อยๆ เป็นระยะเวลานาน มีประวัติเคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่หรือเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีคนในครอบครัวมีติ่งเนื้อหรือเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่มาก่อน มีภาวะลำไส้อักเสบ พบอาการปวดท้อง ท้องผูก ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือดมีอาการซีดอ่อนเพลีย มีภาวะเลือดออกจากก้อนมะเร็ง คลำพบก้อนบริเวณหน้าท้อง ซึ่งบางรายหากก้อนมีขนาดใหญ่มากก็อาจพบอาการลำไส้อุดตันทำให้ท้องอืดมากไม่ถ่ายไม่ผายลม เป็นต้น
          การตรวจคัดกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่จึงเหมาะสมสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 50-85 ปี ยกเว้นในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็ควรจะเข้ารับการตรวจคัดกรองหาโรคแต่เนิ่นๆ แม้จะมีอายุไม่ถึง 50 ปีก็ตาม ขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล
          การแพทย์ปัจจุบันมีวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่หลายแบบ วิธีเบื้องต้นง่ายๆ ที่ทำได้ทุกปีคือ การตรวจเลือดที่แฝงในอุจจาระ (Fecal Occult Blood Test) การตรวจหาดีเอ็นเอในอุจจาระ แต่วิธีนี้มีราคาสูงและไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เพราะยังไม่มีแนวทางการนำไปใช้ที่ชัดเจน การส่องกล้องซิกมอยด์ (Sigmoidos-copy) ตรวจสำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งสามารถตัดนิ่งเนื้อไปตรวจด้วยได้ แต่มีข้อเสียคือ ไม่สามารถตรวจได้ตลอดความยาวของลำไส้และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ วิธีต่อมาคือการสวนแบเรียม (Double Contrast Barium Enema) แต่ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมกันแล้ว
          การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (CT Colonoscopy) เป็นการเอกซเรย์ตัดภาพบริเวณลำตัวด้วยความละเอียดสูงแล้วนำมาประมวลเป็นภาพสามมิติ แต่มีข้อด้วยคือ หากติ่งเนื้อลำไส้มีขนาดเล็กจะตรวจพบยากและไม่สามารถตัดชิ้นเนื้อได้วิธีสุดท้ายคือ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) แนะนำให้ตรวจทุกๆ 10 ปี มีข้อดีคือ ดูได้ตลอดความยาวลำไส้และสามารถตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจได้ แต่วิธีนี้มีราคาค่อนข้างสู
          สังเกตอาการ
          ปวดท้องด้านบนฝั่งขวา มีความเป็นไปได้ที่ท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน เกิดนิ่วในถุงน้ำดีหรือถุงน้ำดีอักเสบ เป็นเนื้องอกหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่
          ปวดท้องด้านล่างฝั่งขวา อาจเป็นเพราะนิ่วในท่อไต กรวยไตอักเสบ หรือไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน
          ปวดท้องด้านบนช่วงกลาง/ฝั่งซ้ายมีความเป็นไปได้ที่ตับอ่อนอักเสบหรือกระเพาะอาหารทะลุ
          ปวดท้องด้านล่าช่วงกลาง/ฝั่งซ้าย ให้ระวังกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นนิ่วในท่อไต หรืออาจมีอาการอักเสบติดเชื้อในมดลูกและรังไข่
          ปวดท้องเป็นอาการที่ไม่ควรละเลย คิดเอาว่าเดี๋ยวก็หายไปเอง แต่ควรหมั่นสังเกตตำแหน่งและอาการที่เป็นหากปวดถี่และปวดมากก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาทันที

pageview  1205885    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved