HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 20/09/2556 ]
พ่อแม่มีส่วนร่วมเปิดประตูสู่อัจฉริยะ

 ยุคที่มีการแข่งขันสูง หากไม่ใช่คนพิเศษจริง การประสบความสำเร็จในชีวิตจะค่อนข้างยากและต้องใช้เวลานาน ดังนั้นต้องพยายามเป็นคนเก่ง ฉลาด และดีให้ครบถ้วนจึงจะไปถึงจุดหมายได้ง่ายและเร็วกว่า พ่อแม่คนรุ่นใหม่หลายคนจึงมีความตื่นตัวในการที่จะพัฒนาลูกน้อย โดยดูแลเอาใจใส่ ให้ความรัก ความอบอุ่น เพื่อไปสู่เป้าหมายในชีวิตอย่าง มีความสุข
          "หมอเปิ้ล" พญ.วิมลมาศ พรหมสาขา ณ สกลนคร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกุมารแพทย์และพฤติกรรมสมองของเด็กทารกและเด็กเล็ก จากสถาบัน เฮกุรุ ไทยแลนด์ บาย ดร.แอปเปิ้ล แอด เซน เซ็นทรัลเวิลด์ มีความเชื่อว่า การพัฒนาศักยภาพของสมองตามช่วงอายุที่เหมาะสม จะเป็นแนวทางการสอนที่สร้างสรรค์ โดยช่วงอายุที่ต่ำกว่า 3 ปี เป็นเวลาที่เด็กๆ ใช้สมองซีกขวาเป็นส่วนใหญ่ และ 3-6 ปี เริ่มใช้สมองซีกซ้ายและขวาร่วมกันโดยพื้นฐานสำคัญที่สุด คือ "ความรัก" ของพ่อแม่ ซึ่งเป็นตัวหล่อหลอมทั้งไอคิว และอีคิวอีกด้วย
          หลังจากหมอเปิ้ลได้ศึกษาค้นคว้ามานานหลายปีจนมาพบเฮกุรุ ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งโดย รุยโกะ และ ฮิโรตาดะ เฮนมิ ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการพัฒนาโปรแกรมสำหรับการเปิดศักยภาพสมองโดยเฉพาะด้านขวา และต่อยอดไปจนถึงการพัฒนาสมองด้านซ้าย จนกระทั่งสร้างผลลัพธ์ที่โด่งดังในปี 1997 มีเด็กอัจฉริยะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในโตเกียว และประสบความสำเร็จระดับประเทศหลายรุ่น และในวันนี้ ปรมาจารย์ทั้งสองได้มาเยือนเมืองไทย พร้อมให้คำแนะนำเทรนด์ในการสร้างเด็กอัจฉริยะ โดย ฮิโรตาดะ ผู้ก่อตั้งเฮกุรุ เจแปน กล่าวว่า ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องเชื่อในตัวลูกก่อนว่าสามารถเป็นอัจฉริยะได้ ที่โรงเรียนจะมีวิธีการสอนการพัฒนาสมองด้านขวา ซึ่งเด็กๆ จะเรียนได้และสนุกไปด้วย
          "เมื่อพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง เด็กๆ จะสามารถกรีดหนังสือเร็วเพียง 30 วินาที และเข้าใจในเนื้อหาของหนังสือได้ทันที เรียกว่า ฮาโดะ รีดดิ้ง (Hado Reading) หากพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกทำได้ ต้องฝึกให้ลูกมีพื้นฐานสามสิ่ง ได้แก่ สมาธิ, ความอดทน และการสร้างจินตนาการ โดยพื้นฐานเหล่านี้จะสร้างความแข็งแกร่งจากข้างในมาสู่ข้างนอก เป็นความมหัศจรรย์ หลังจากนั้นจะนำไปสู่ความสามารถในการพัฒนาความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้ อันได้แก่ การคิดและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ความจำที่แม่นยำ เป็นต้น" ผู้ก่อตั้งเฮกุรุ กล่าวด้าน รุยโกะ ผู้ค้นพบวิธีการอ่านแบบฮาโดะ รีดดิ้ง ให้ข้อคิดว่า การดึงศักยภาพของเด็กต้องทำก่อน 12 ปี ยิ่งอายุยังน้อยจะได้ประสิทธิภาพเห็นผลที่สุด ที่ญี่ปุ่นการสร้างอัจฉริยะทำได้จริง 95 เปอร์เซ็นต์ สามารถอ่านแบบฮาโดะได้ โดยเมื่อเด็กๆ สามารถอ่านหนังสือได้เร็ว และฝึกฝนต่อไปอีกระดับจนมีความสามารถสูง จะมีการจัดตั้งชมรม เรียก "อิชิมังไค"  คือกลุ่มเด็กๆ ที่สามารถอ่านหนังสือหนึ่งหมื่นเล่มได้จริงภายในหนึ่งเดือน
          อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของเด็ก ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง และตัวแปรที่สำคัญคือพ่อแม่ ซึ่งหากกดดันมากเกินไป มักจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพึงพอใจ ในญี่ปุ่นจะจำกัดเด็กไม่ให้ดูทีวีเกิน 2 ชั่วโมง รวมอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น ไอ-แพด หรือมือถือ เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีคลื่น แสง หากดูมากจะมีผลต่อสมอง
          ทั้งนี้ พญ.วิมลมาศ กล่าวปิดท้ายว่า การสร้างบุคลากรที่ดีและเก่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ ชาติต้องการคนเก่งที่ทำประโยชน์ให้ทั้งตัวเองและผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะขับเคลื่อนให้สังคมพัฒนาไปสู่จุดที่ดีขึ้น บทบาทของพ่อแม่จึงสำคัญในการหล่อหลอม ทั้งความรัก และการเอาใจใส่ เพื่อดึงศักยภาพของเด็กสู่เส้นทางอัจฉริยะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


pageview  1205958    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved