HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 20/08/2556 ]
ภูเขา "ขยะพิษ" เมืองกาญจน์ อันตราย...ทั้งคนทั้งสิ่งแวดล้อม

  กัมปนาท ขันตระกูล
          ผืนป่า แนวกันชน "ป่าเขาตอง" ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านหนองสองตอน ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) กันเป็นแนวเขตไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกป่าไม้ ต่อมาเทศบาลตำบลท่าล้อได้ขอใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสถานที่ทิ้งขยะของเทศบาล แต่ที่ผ่านมาคนนอกพื้นที่มักจะลักลอบนำขยะและเศษวัสดุต่างๆ มาทิ้งเป็นประจำ โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง และศาลพระภูมิ ประกอบกับเส้นทางไปบ่อขยะเป็นถนนลูกรังลึกเข้าในป่ากว่า 3 กิโลเมตร และไม่มีชาวบ้านอาศัย จึงมีขยะทิ้งเกลื่อนตลอดสองข้างทาง รวมทั้งบริเวณวัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย
          กว่า 10 ปีที่มีการลักลอบทิ้งขยะบริเวณ "เขาตอง" ยากจะหาตัวผู้นำมาทิ้งได้ เพราะเป็นพื้นที่ป่า และเป็นที่ของทหาร ไม่จำเป็นชาวบ้านจะไม่ย่างกายเข้าไป
          "การนำขยะมาทิ้งบริเวณเชิงเขาตองเป็นเรื่องของคนมักง่าย เพราะในพื้นที่มีบ่อขยะของเทศบาล แต่อยู่ลึกเข้าไปในป่า และทางเป็นถนนลูกรัง คนที่นำขยะมาทิ้งพอเห็นคนเผลอก็ทิ้งไว้ข้างทาง ไม่ยอมไปที่บ่อขยะ ผมพยายามตามจับ แต่ก็จับไม่ได้ จึงบอกให้ชาวบ้านช่วยเป็นหูจับตา พร้อมทั้งตั้งรางวัลนำจับ แต่ก็จับไม่ได้สักที" นายสมปอง ทับทิมศรี ผู้ใหญ่หมู่ 6 บ้านหนองสองตอน สะท้อนปัญหา
          สำหรับชาวบ้านหนองสองตอน พวกเขาไม่ได้กังวลเรื่องการทิ้งขยะเหล่านั้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ห่างจากชุมชนกว่า 2 กิโลเมตร ทว่าหลังจากวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีขยะพิษจำนวนมหาศาลบรรจุในถังพลาสติกสีน้ำเงินขนาด 200 ลิตร ประมาณ 40-50 ถัง และถุงบิ๊กแบ็กสีขาว น้ำหนักถุงละ 1,000 กิโลกรัม ประมาณ 50 ถุง ถูกทิ้งกระจัดกระจาย ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวไปทั่วบริเวณ ส่วนหญ้าและต้นไม้บริเวณนั้นยืนต้นแห้งตายทั้งหมด ลักษณะเหมือนถูกเผาไหม้
          แม้ว่า นายหัสนัย จิตอารีย์ นายอำเภอท่าม่วง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นแนวขยะพิษ แต่ชาวบ้านยังกังวลจะได้รับอันตรายจากสารพิษ จากนั้น นายเดโช ประกาศแก่นทราย ปลัดอาวุโสอำเภอท่าม่วง นายประสาท ฉัตรไชยรัชต์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานเฝ้าระวัง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 (ราชบุรี) นายวิชญ์วารุตม์ สมจันทร์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 (ราชบุรี) ลงพื้นที่ตรวจสอบ ในเบื้องต้นระบุว่าสารเคมีในถังขนาด 200 ลิตร คือ สารเรซิน ที่มีความแข็งตัวเร็ว มักนำมาใช้สำหรับผลิตกันชนรถยนต์ หรือผลิตโล่รางวัล แต่สารเรซินที่พบบริเวณดังกล่าวหมดอายุแล้ว
          นอกจากนี้ ยังพบ สารแคดเมียม และ สารโครเมียม ลักษณะเป็นกรดและด่างสูงระดับ 2 ปะปนอยู่ ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิด ถือว่าอันตรายมาก หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตรายต่อมนุษย์ โดยเฉพาะผิวหนังและดวงตา ส่วนสารเคมีที่ถูกนำมาทิ้งที่บรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็กมีลักษณะเป็นผงสีขาวเทา คือ กากของอะลูมิเนียม ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หากถูกผิวหนังจะรู้สึกคัน และมีผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้คาดว่าผู้ที่นำมาทิ้งน่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
          "สารพิษที่ตรวจพบเป็นสารแคดเมียม และสารโครเมียม ลักษณะเป็นกรดในระดับ 2 ถือว่าอันตรายมาก การทำลายต้องให้บริษัทรับกำจัดของเสีย หรือกำจัดสารพิษที่ได้มาตรฐานเท่านั้น ถ้านำไปเผาหรือฝังกลบสารทั้ง 2 ชนิด อาจจะทำให้สารตกค้าง" นายประสาท กล่าว
          ในส่วนของชาวบ้านหนองสอง ขณะนี้อยู่ในอาการหวาดผวา และอยากให้ทางราชการเร่งกำจัดขยะพิษโดยเร็ว เพราะจุดที่ทิ้งขยะอยู่สูงกว่าชุมชน พอฝนตกน้ำจากเขาจะไหลลงลำห้วยนาคราช และไหลต่อไปถึงพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชาวบ้านทั้งสองฝั่งคลองต่างใช้น้ำสำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภค นายสมปอง ทับทิมศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านหนองสองตอน เล่าว่า ทันทีที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ยืนยันว่า เป็นสารพิษ ชาวบ้านต่างกลัวว่าจะได้รับอันตราย
          "จุดที่พบสารเคมีอยู่บนที่สูง พอฝนตกน้ำจะไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติ ชาวบ้านใช้ทำการเกษตร และอุปโภคบริโภค ผมอยากให้ราชการมากำจัดขยะพิษออกไปเร็วๆ เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน นอกจากนี้กลิ่นขยะยังลอยไปไกลเป็นกิโล เข้าไปถึงหมู่บ้านเลย" นายสมปอง ระบุ
          เช่นเดียวกับ นายเสรีย์ สมรภูมิ ประธานชุมชน ที่ 12 (หมู่ 6) เทศบาลตำบลท่าล้อ กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าเป็นขยะพิษ ทุกคนก็ตกใจ และต้องการให้ทางราชการเอาออกไปจากพื้นที่โดยด่วน ชาวบ้านหวาดผวา กลัวมาก เพราะขยะมีกลิ่นเหม็นไปถึงบ้านเรือน อีกทั้ง ชาวบ้านเกรงว่าสารพิษจะไหลลงแหล่งน้ำ ทำให้เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน
          ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางกลิ่นอย่าง นางวันเพ็ญ บุญมี อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ 6 บ้านหนองสองตอน บอกว่า ชาวบ้านรู้สึกแสบจมูกมาก ยิ่งรู้ว่าขยะเหล่านั้นเป็นสารพิษชาวบ้านยิ่งตกใจ กลัวจะเป็นอันตราย ไม่รู้ว่าขยะพิษมาได้อย่างไร อยากให้ทางราชการรีบหาวิธีเอาออกไปเร็วๆ
          ในมุมมองของ นายราเชนทร์ แก้วสระแสน อายุ 30 ปี อาชีพทำการเกษตร อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 6 บ้านหนองสองตอน ยอมรับว่า รู้สึกกลัวมาก เพราะจุดที่พบถุงบิ๊กแบ็กอยู่ห่างจากสวนผักแค่ประมาณ 100 เมตร อยู่ใกล้ลำห้วย ใช้น้ำในลำห้วยปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ หากสารพิษไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติ ชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร ที่สำคัญตอนนี้ชาวบ้านหวาดผวากันทั้งหมู่บ้าน
          นายวิธาน ทับทิมศรี อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 72/1 หมู่ 2 บ้านพุทธบาทเขาน้อย ต.ท่าล้อ กล่าวว่า ได้ไปช่วยนำผ้าใบขนาดใหญ่ไปคลุมขยะพิษ และรู้สึกเหม็นมาก พอรู้ว่าเป็นขยะพิษ ตกใจมาก
          "วันนั้นผู้ใหญ่สมปองมาบอกให้ผมไปช่วยเอาผ้าใบคลุมขยะพิษ ผมก็ไปช่วย โดยไม่ได้ใส่หน้ากาก และชุดป้องกัน รู้สึกว่าขยะเหม็นมาก และตามร่างกายเป็นผื่น ผมและชาวบ้านอยากให้ทางราชการนำสารพิษพวกนี้ออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของ ชาวบ้าน" นายวิธาน ย้ำ
          สำหรับที่มาของขยะพิษ เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ขนมาจากจังหวัดอื่น เนื่องจากในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ไม่มีโรงงานที่ใช้สารดังกล่าวเป็นวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าม่วง กำลังออกสืบสวนติดตามหาข่าว เพื่อหาตัวผู้นำมาทิ้งดำเนินการตามกฎหมาย
          "จากการสำรวจในพื้นที่กาญจนบุรี ไม่พบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ผลิตอะลูมิเนียม เชื่อได้ว่าผู้ที่ลักลอบนำสารเคมีไปทิ้งอาจมาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ส่วนการป้องกันเบื้องต้นได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่นให้มาขุดลอกทางน้ำที่ไหลลงมาจากบนภูเขา เพื่อให้เปลี่ยนทางน้ำที่จะไหลมาลงที่กองสารเคมี และให้นำผ้าใบขนาดใหญ่มาปิดไว้ป้องกันฝน และขอให้ประชาชนอย่าเข้ามาใกล้พื้นที่ดังกล่าว อาจได้รับอันตรายได้ ส่วนแนวทางการสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดในครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้แจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ท่าม่วง" นายเดโช กล่าว
          ทั้งนี้ ขยะพิษที่ "มือมืด" นำไปทิ้งในบ้านหนองสองตอน สร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้าน มีความเป็นไปได้ที่จะถูกขนมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ ดังนั้นนอกจากเจ้าหน้าที่จะต้องเร่งกำจัดขยะพิษเหล่านี้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องนำผู้อยู่เบื้องหลังมารับโทษให้เร็วที่สุด


pageview  1205891    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved