ม็อบชาวนาสลาย หลัง "บุญทรง-วราเทพ" รับข้อเสนอทบทวนจำนำข้าวราคาเดิม 1.5 หมื่นบาท จี้ตอบใน 7 วัน นายกฯ โยน กขช.พิจารณา ที่พิจิตรรวบแล้วเจ้าของท่าข้าวร่วมโรงสีฉ้อโกงชาวนา "ณัฐวุฒิ" ถกความพร้อมลุยตรวจโกดังทั่วประเทศ 27 มิ.ย.นี้
          รัฐบาลรับข้อเสนอของกลุ่มชาวนาที่มาชุมนุมเรียกร้องที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กทม. ให้ทบทวนราคารับจำนำข้าวที่ตันละ 15,000 บาทตามเดิม โดยเตรียมส่งให้ กขช.พิจารณา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 มิถุนายน มีการนัดชุมนุมของกลุ่มชาวนาจาก 3 สมาคมเกือบ 500 คน ประกอบด้วย สมาคมชาวนาข้าวไทย นำโดย นายประสิทธิ์ บุญเฉย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย นำโดย นายภูติ ศรีสมุทรนาค และสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นำโดย นายวิเชียร พวงลำเจียก และนาย วลิต เจริญสมบัติ ประธานศูนย์ข้าวชุมชนจังหวัดราชบุรี เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
          จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมายังด้านหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพิษณุโลก พร้อมส่งแกนนำเข้ามาพบตัวแทนรัฐบาลในกรณีขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)โครงการรับจำนำข้าวที่ปรับลดราคาจากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท เพราะการทำนาต้องประสบภาวะขาดทุน มีต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าเมล็ดพันธุ์ เรียกร้องให้รัฐบาลคงราคารับจำนำเดิม โดยให้เวลารัฐบาลพิจารณาให้คำตอบภายใน 7 วัน
          บุญทรง-วราเทพรับข้อเสนอม็อบ
          ทั้งนี้ มีนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองและแกนนำนปช. ลงมาต้อนรับ โดยมีหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลจำนวนหนึ่งมาดูแลความปลอดภัย ต่อมาเวลา 10.20 น. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากห้องประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มารับข้อเสนอด้วยตัวเอง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่นอกรั้วทำเนียบ
          นายบุญทรง ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับเรื่องไว้แล้วจะพยายามให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด โดยจะนำเข้าพิจารณาที่ประชุม กขช.ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ และจะทำให้ทันกรอบเวลาที่เรียกร้อง
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายชาวนาลานพระบรมรูปทรงม้าแห่งประเทศไทย นำโดย นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะนายกสมาคมชาวนา จ.สิงห์บุรี พร้อมด้วยชาวนา 24 จังหวัด ได้ร่วมเรียกร้องครั้งนี้ด้วย โดยนายพายัพกล่าวว่ามาเพื่อให้กำลังใจนายกฯ ในการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวพร้อมยื่นข้อเสนอ จากนั้นกลุ่มชาวนาที่มาชุมนุมพากันเคลื่อนขบวนกลับไปยังลานพระบรมรูปทรงม้าก่อนแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา
          นายกฯ โยน กขช.ถกรับจำนำ 15,000
          ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุม ครม.ว่า จะส่งเรื่องให้ กขช.ไปพิจารณาต่อไป ส่วนจะชดเชยด้วยการเยียวยาหรือไม่ ก็ขอให้ กขช.ประชุมก่อน แต่ยืนยันในหลักการเดิมว่านโยบายหลักคือการดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวนา เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับราคารับจำนำกลับไปที่ตันละ 15,000 บาท นายกฯ กล่าวว่า "ขออนุญาตนะคะ ต้องให้ทางกขช.พิจารณาก่อน"
          ส่วนการที่ ส.ส.เพื่อไทย บางส่วนไม่เห็นด้วยกับการปรับลดราคารับจำนำ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพบว่าขาดทุนจริงๆ ก็ต้องมาช่วยกันดูแล พิจารณาในเรื่องรักษาวินัยการเงินการคลังให้สมดุลและคำนึงถึงทุกมิติอย่างครบถ้วน สำหรับเรื่องข้าวที่หายไปกว่า 8,000 ตันที่โกดัง จ.พิจิตร ก็จะตรวจเรื่องการทุจริต รวมทั้งกรณีบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำแต่ก็ยังเข้ามารับจำนำข้าว นอกจากนี้ ครม.ได้ตั้งบริษัทเซอร์เวเยอร์ หรือคนกลางขึ้น มาตรวจร่วมกับคณะกรรมการซึ่งก็มีอนุกรรมการระบายข้าวอยู่ด้วย รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะลงตรวจพร้อมกันทั้งหมดในวันเดียว
        "ไม่ได้เป็นปัญหาทั้งระบบ แต่เป็นปัญหาเฉพาะจุด เราก็ต้องลงไปให้ความเป็นธรรมและตรวจเฉพาะจุดด้วยว่าเป็นปัญหาที่ระดับปฏิบัติหรืออย่างไร ขอให้ทุกอย่างมีความชัดเจน เพราะว่าแต่ละจุดคงตอบปัญหาแบบเดียวกันไม่ได้ คงต้องให้คณะกรรมการและ สตช.ทำเรื่องสรุปขึ้นมาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด"นายกฯ กล่าวย้ำว่า มาตรการช่วยเหลือชาวนาเบื้องต้นได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำเอกสารชี้แจงผ่านผู้ว่าฯ ให้ความรู้การลดต้นทุนการปลูกข้าว และเรื่องเกษตรโซนนิ่ง
          ชาวนาสงขลาแห่โลงศพประท้วงรัฐ
          ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวสนับสนุนรัฐบาลที่มีมติลดราคาจำนำข้าว เนื่องจากตลาดโลกมีราคาต่ำลง มองว่ามาตรการลดราคาจำนำจะประกาศใช้เพียง 1-2 เดือน และหลังจากที่ราคาตลาดโลกปรับสูงขึ้น รัฐบาลจะทบทวน ส่วนกรณีที่ชาวนาเจอปัญหาเรื่องการแบกรับค่าต้นทุนการผลิตที่สูงขณะที่รายได้จากการจำนำลดลงนั้น เป็นส่วนที่ ส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนาจะได้ชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่ต่อไป
          ผู้สื่อข่าวจาก จ.สงขลา รายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายกาจบัณฑิต รามมาก ประธานเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเกษตรกรรมก้าวหน้าจังหวัดสงขลา นายถาวร แซ่อิ้ว ประธานอาสาเกษตรกรจังหวัดสงขลา และตัวแทนชาวนาใน 12 ตำบล อ.ระโนด กว่า 100 คน เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดพร้อมโลงศพด้านข้างติดภาพ 4 แกนนำ รัฐบาล ได้แก่ นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.พาณิชย์ และนาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ พร้อมปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการผลักภาระให้ชาวนาโดยลดราคารับจำนำ พร้อมยื่นข้อเสนอให้รับจำนำในราคาเดิม ส่วนวงเงินรับจำนำข้าวรายละไม่เกิน 6 แสนบาท และขยายระยะเวลาอีกอย่างน้อย 1 ปี โดยขอคำตอบที่ชัดเจนภายใน 30 วัน
          จับเจ้าของท่าข้าวหัวดงโกงชาวนา
          วันเดียวกัน พ.ต.ท.ไชยยา ข้าวแม้นจันทร์ รอง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าควบคุมตัวนายอำนาจ ดิษเสถียร อายุ 45 ปี ที่บ้านพักในท่าข้าวหัวดงซึ่งเป็นท่าข้าวที่รับซื้อข้าวส่งต่อโรงสีแอลโกลด์ แมนูแฟคเจอร์ ตั้งอยู่ที่ อ.โพทะเล เป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงชาวนา 96 ราย ข้าวจำนวน 1,978 ตันหายไปจาก โรงสี มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท หลังเกษตรกรปลูกข้าว 3 ตำบลในเขต อ.เมืองพิจิตร แจ้งความดำเนินคดี พร้อมนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองพิจิตร โดยมี นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เข้าร่วมรับฟัง
          นายอำนาจ ผู้ต้องหา ให้การว่า โรงสีได้ติดต่อให้เป็นท่าข้าวเปิดจุดรับซื้อและจำนำข้าว เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานภาครัฐก็พบว่ามีการอนุมัติให้โรงสีดังกล่าวเข้าร่วมโครงการ และให้ค่าตอบแทนรับซื้อข้าวในราคาตันละ 300 บาท และทุกครั้งที่ขนข้าวไปส่งจะมีการเซ็นรับทุกครั้งทุกเที่ยว จนกระทั่งผ่านไป 4-5 เดือน ได้ทวงถามกับโรงสีถึงใบประทวน ก็อ้างว่าองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)ยังไม่ออกให้ จนกระทั่งเรื่องบานปลายชาวนาถูกโกงข้าว พร้อมทั้งให้การปฏิเสธไม่มีส่วนร่วมในการโกงชาวนา ขณะเดียวกันได้เตรียมหลักทรัพย์วงเงิน 3 ล้านบาทสำหรับประกันตัว
          ข้าวหาย 1 หมื่นกว่าตันสูญ 133 ล.
          นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้ประสานไปยังตำรวจเพื่อขอให้เร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับโรงสีที่รับซื้ออยู่ในภาคกลาง ส่วนการช่วยเหลือชาวนาเกือบ 300 รายที่ถูกโกงได้รับความเดือดร้อนในเขต อ.เมืองพิจิตร และโพทะเล โดยทางจังหวัดได้เปิดเป็น กองทุนรับบริจาคเงิน
          ด้านนางพวงเกสร วงศอนุพรกูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า(อคส.) ชี้แจงกรณีข้าวที่หายว่า แบ่งออกเป็นข้าวนาปรังปี 2555 จำนวน 3,051 ตัน มูลค่า 40 ล้านบาท และข้าวนาเปลือกปี 2555/2556 จำนวน 4,243 ตัน มูลค่า 45 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายข้าว 7,294 ตัน รวม 85 ล้านบาท และเป็นข้าวของเกษตรกรชาวนา จำนวน 3 อำเภอ ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการที่หายไป กว่า 4,000 ตัน มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท สรุปยอดเสียหายทั้งหมดของ อ.ต.ก.และของชาวนา มีจำนวน 11,294 ตัน รวมมูลค่า 133 ล้านบาท
          นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวกรณีมีข่าวเรื่องรมควันและสารกำจัดแมลงในข้าวเกินค่ามาตรฐาน ว่า เพื่อความมั่นใจของประชาชนจึงได้สั่งการให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจข้าวที่บรรจุสำเร็จที่จำหน่ายในตลาด 54 ตัวอย่าง เพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพ ทั้งปัญหาด้านความชื้น สิ่งสกปรกเจือปนหรือสารเคมีที่ใช้ในการอบฆ่าแมลง ฆ่าตัวมอดต่างๆ ว่า มีสารตกค้างเหลืออยู่หรือไม่ คาดว่าจะตรวจให้เสร็จภายในวันที่ 28 มิถุนายน และจะแถลงผลการตรวจสอบต่อไป
          ชัยภูมิสอบสวมสิทธิ์สูญกว่า 11 ล.
          ด้านความคืบหน้าหลังผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ตรวจพบปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของโรงสีในพื้นที่สวมใบประทวนเวียนเทียนข้าวในโกดังมากกว่า 14% ออกมาสวมสิทธิ์ รายชื่อชาวนาขายใบประทวน ทั้งที่ไม่มีข้าวในมือ ลอบขนข้าวในโกดังของหน่วยงาน อคส.ออกขายในราคาตันละ 11,000 บาท แล้วนำกลับมาเวียนเทียนสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำ กินส่วนต่างสูงกว่าตันละ 15,000 บาทนั้น
          นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับโรงสีที่เข้าข่ายทุจริตแล้ว โดยตรวจพบว่ามีข้าวหายไปจากโกดังกลางของรัฐแบ่งเป็นข้าวเปลือก 621 ตัน ข้าวสารที่ได้รับการสีแปรแล้ว อีก 129 ตัน มูลค่ารวมกว่า 11 ล้านบาท และได้มีคำสั่งปิดโรงสีแห่งนี้ไปแล้ว ระหว่างรอการตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม ซึ่งผู้เสียหายโดยตรงคือ อคส.ส่วนกลาง เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับโรงสีแห่งนี้ ที่ไม่ใช่หน่วยงานระดับจังหวัดจะสามารถเข้าร้องทุกข์ได้เองได้ตามขั้นตอนกฏหมาย
          ถกทุกหน่วยลุยตรวจโรงสี 27 มิ.ย.นี้
          วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมหน่วยงาน เกี่ยวข้องร่วมประชุมนโยบายและซักซ้อมการปฏิบัติตรวจสอบการรับจำนำข้าวของโรงสี 1,651 แห่งทั่วประเทศพร้อมกันในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ เพื่อจัดเตรียมกำลังขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
          พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า มีภารกิจหลัก 3 ด้าน คือ 1.ตรวจสอบคลังสินค้าและโรงสีที่รับจำนำทั้งหมด ถึงจำนวนและปริมาณข้าวเปลือกข้าวสารที่มี 2.สกัดกั้นข้าวเปลือกที่มาจากต่างประเทศ ผ่านมาทางชายแดนไทย-พม่า ไทยกัมพูชา 3.สกัดกั้นการเคลื่อนย้ายข้าวเปลือกออกจากคลังสินค้าและโรงสีที่รับจำนำข้าว ทั้งนี้ตำรวจใช้กำลังทั้งหมด 1,651 ชุด ชุดละ 10 นาย ซึ่งใช้กำลังในพื้นที่เป็นหลัก
          นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การตรวจครั้งนี้ หลังจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ได้สรุป ตัวเลขคลาดเคลื่อนเรื่องข้อมูลข้าวสาร 2.5 ล้านตัน ที่ทาง อ.ต.ก.และอคส.แจ้งว่าจำนวนปริมาณข้าวสารดังกล่าวทางคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ยังไม่ได้เอาไปคำนวณและหักกลบลบหนี้เป็นสินค้าคงค้างในโกดัง และอีกเหตุผลเพื่อให้ประชาชนเกิดความชัดเจนสบายใจ เพราะที่ผ่านมามีบางฝ่ายพยายามสร้างเรื่องว่าข้าวเน่า ข้าวเสียหาย