นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุม โรคเขตเมือง(สปคม.) กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีโครงการเฝ้าระวังแบบบูรณาการเพื่อติดตามแนวโน้มสถานการณ์และสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่และเชื้อก่อโรคระบาดทางเดินหายใจอื่นๆ ในโรงพยาบาลเอกชน (Flu-Surveillance) ว่า โรคติดต่อที่กระจายไปยังเขตเมืองต่างๆ ปัจจุบันมีระบบการเฝ้าระวังที่ดีขึ้น ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคมมีการส่งข้อมูลสุขภาพที่เชื่อมโยงกัน อีกทั้งที่ผ่านมาเมื่อพบเชื้อใหม่ๆ ต้องส่งไปพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็สามารถตรวจได้เองแล้ว
          นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า กรุงเทพฯ มีประชากรอาศัยทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคน เป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรด้านสุขภาพ ทั้ง ร.พ. หมอ พยาบาล และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ดีที่สุด แต่การจัดการเรื่องสุขภาพของประชาชนกลับทำได้ยากเพราะขาดการบริหารจัดการที่ดี เมื่อเจ็บป่วยประชาชนนิยมซื้อยารับประทานเอง หรือเข้ารับบริการในคลิกนิกหรือร.พ.ของเอกชน ในขณะที่ทั่วกรุงเทพฯมีศูนย์บริการด้านสาธารณสุข ของภาครัฐที่พร้อมให้บริการ 68 แห่ง แต่ประชาชนเข้าถึงน้อย
          "ดังนั้นเชื้ออุบัติใหม่ๆ มักตรวจพบโดยเอกชน แต่ภาครัฐและเอกชนใช้ข้อมูลสุขภาพคนละชุดกัน ทำให้การควบคุมโรคทำได้ยาก ซึ่งโครงการดังกล่าวก็เพื่อเป็นการบูรณาการทำงานเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยทาง ร.พ.เอกชน จะมีการรายงานผลการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อก่อโรคระบาดทางเดินหายใจอื่นๆ เข้ามายังฐานข้อมูลของโครงการ โดยปกติเมื่อพบจะมีการส่งข้อมูลเข้ามาทุกวัน ซึ่งจะมีทีมวิเคราะห์ จาก กทม. และสปคม. คอยเก็บข้อมูล ก่อนนำมารวบรวมวิเคราะห์และแปลผลว่ามีการพบเชื้อใหม่หรือไม่ การพบมีสัญญาณเตือนอะไร เพื่อเสนอเป็นนโยบาย และเพิ่มการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อจำเพาะอื่นๆ" นพ.รุ่งเรืองกล่าว
          นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากไข้หวัดใหญ่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังเข้าในโครงการเพื่อพัฒนาฐานข้อมูล ที่ต้อง พัฒนาต่อเนื่องเพื่อขยายออกไปในอนาคต อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2561 จะมีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมในโครงการจาก 10 แห่ง เป็น 17 แห่ง การเก็บข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ฯ จะรวบรวมเป็นรายเขตเพราะมาตรการการเฝ้าระวังเฉพาะของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน
          นพ.รุ่งเรืองกล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของ โครงการ Flu- Surveillance ของสปคม. ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2560 พบว่า โครงการมีการเก็บข้อมูลจากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 10 แห่ง ใน 6 เขต เป็น 2 ส่วน คือ 1.การรวบรวมข้อมูลโดยวิเคราะห์ข้อมูลเป็นกลุ่มเขตทุกสัปดาห์เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ฯ ได้รับตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวัง 352 ตัวอย่าง และ 2 .ข้อมูลรายเดือนของแต่ละโรงพยาบาลของผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่ที่มีการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นโดยวิธี Rapid test หรือ การตรวจยืนยันโดยวิธี PCR ทั้งหมด 68,692 ราย