ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 พ.ค.ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 พ.ค. เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยจ.นครราชสีมา เกิดพายุหมุนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ทั้ง อ.ครบุรี บ้านเลขที่ 77 หมู่ที่ 3 ต.ครบุรี อ.ครบุรี ถูกลมพายุหมุนพัดบ้านไม้ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จพังถล่มลงทั้งหลัง ขณะที่ อ.พิมาย ชาวบ้านในหมู่บ้านซึม หมู่ 5 ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ต่างช่วยกันตัดกิ่งไม้ที่ล้มขวางถนนในหมู่บ้านเพื่อเคลียร์ทางให้สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ภายหลังจากเกิดพายุฤดูร้อนพัดในพื้นที่ ต.สัมฤทธิ์ เสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย บ้านซึม หมู่ 5 หมู่ 10 และหมู่ 14 มีบ้านพังเสียหายกว่า 20 หลังคาเรือน ยุ้งข้าวพัง 5 หลัง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลถูกพายุพัดท่อนไม้พังใส่กระจก 2 บาน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
          นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ นายอำเภอเมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 6 พ.ค. พายุได้พัดถล่ม 6 ตำบล 12 หมู่บ้าน 42 ครัวเรือน ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.-6 พ.ค. เกิดเหตุพายุพัดถล่ม 4 ครั้ง พื้นที่เสียหาย 11 ตำบล 29 หมู่บ้าน รวม 172 ครัวเรือน
          ด้านสำนักงานชลประทานที่ 8 จ.นครราชสีมา รายงานว่าจากเหตุพายุฤดูร้อนส่งผลให้เขื่อนต่างๆ ทั้งเขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแชะ และเขื่อนลำปลายมาศ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ยกเว้นเขื่อนลำตะคอง โดยมีปริมาณน้ำรวมทั้ง 5 เขื่อน 442 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 36 ของความจุกักเก็บทั้งหมด ซึ่งปีนี้มีปริมาณน้ำมากกว่า 137 ล้านลบ.ม.
          ที่ จ.ขอนแก่น นายฉัตรชัย อุ่นเจริญ นายอำเภอเมือง จ.ขอนแก่น พร้อมผู้บริหารท้องถิ่น ได้ออกสำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านใน 4 หมู่บ้านในเขต ต.โนนท่อน รวม 40 หลัง ต้นไม้ใหญ่ตามทุ่งนาหักโค่นล้มอีก 20 ต้น ถือว่าหนักที่สุดในรอบกว่า 50 ปี
          ที่ จ.บึงกาฬ พื้นที่บ้านชมภูทอง หมู่ 7 และหมู่ 8 ต.คำนาดี อ.เมือง จ.บึงกาฬ บ้านเรือนถูกพายุพัดถล่มเสียหาย 9 หลังคาเรือน ส่วนที่จ.กาฬสินธุ์ เกิดพายุฝนลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่ 6 อำเภอ บ้านเรือนประชาชนพัง 273 หลังคาเรือน หนักที่สุดมี 9 หลัง พายุหมุนได้หอบหลังคาบ้านหายไปจนหมด
          ที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี พายุพัดบ้านเรือนเสียหายใน ต.พัฒนานิคม หมู่ 5 หมู่ 8 และหมู่ 14 ต.พัฒนานิคม ส่วนที่ ต.หนองบัว หมู่ 2 และหมู่ 4 มีบ้านพังเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน
          ส่วนที่ภาคเหนือ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยพล.ต.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันทน์ ผบ.พล ร.7 เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ทหารไปยัง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความเสียหาย และเร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุฤดูร้อน เมื่อวันที่ 4-5 พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นที่ ต.บงตัน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 827 หลังคาเรือน ต.บ้านแอ่น 361 หลังคาเรือน โดยนายปวิณได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดและอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายทั้งในส่วนของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้และไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ซึ่งจะได้หาแนวทางช่วยเหลือไปพร้อมกัน