คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับศิริราชมูลนิธิ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด จัดทำหนังสือ "120 ปี มหิดลอดุลเดช" เนื่องในวโรกาสครบ 120 ปี แห่งการพระราชสมภพ วันที่ 1 มกราคม 2555
          สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขไทย" ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อพัฒนาประเทศไทยในหลายด้าน เช่น การอุดมศึกษา การแพทย์ การสาธารณสุข การพยาบาล เภสัชกรรม ทันตกรรม การประมง การสังคมสงเคราะห์ และกองทัพเรือ ฯลฯ
          งานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในงานมีการเสวนาเรื่อง "สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระบรมราชชนก" ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา มาร่วมเสวนาบนเวที พร้อมด้วย พ.ญ.สมฤดี (กยาวัฒนกิจ) เอื้อสุดกิจ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท เอ ไอ บิสเน็ต ไทย จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนอีกหลายคน
          ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า "ครั้งแรกที่ได้ตกปากรับคำว่าจะมาร่วมเสวนาบนเวที ให้กับหนังสือ 120 ปี มหิดลอดุลเดช ผมรู้สึกกลุ้มใจมาก ด้วยอายุเพียง 72 ปี เกิดไม่ทันในสมัยสมเด็จพระบรมราชชนกมีพระชนมชีพ และเราก็ไม่ได้เป็นแพทย์ จึงเกรงว่าจะไม่เข้าใจถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน
          แต่หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่าวางหนังสือไม่ลง โดยเฉพาะเรื่องการใส่พระทัยในเรื่องการเรียนการทำงาน โดยเฉพาะความมุ่งมั่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับการถ่ายทอดมาจากสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงมีความใส่พระทัยและความมุ่งมั่น หากทรงคิดตัดสินพระทัยทำอะไรแล้ว จะทรงพยายามทำให้ได้สำเร็จเหมือนกับพระบรมราชชนก ที่ทรงให้กำเนิดการแพทย์ไทย
          แม้ทรงเรียนมาทางด้านทหารแต่กลับมีความมุ่งมั่นเปลี่ยนมาเรียนด้านการแพทย์ เพราะทรงมีพระประสงค์จะช่วยเหลือประชาชน ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และพระราชวรกายทุ่มเทให้กับการแพทย์ เพราะในสมัยนั้นการเดินทางยังลำบาก จำนวนแพทย์และเครื่องมือต่างๆมีน้อย เหมือนกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความสำคัญและทรงมีพระราชปณิธานสานต่อ ไม่เพียงดูแลรักษาป่าไม้ ธรรมชาติและประเทศไทยเท่านั้น แต่ทรงดูแลประชาชนด้วยการให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ติดตามไปด้วยตลอดเวลา เมื่อเสด็จฯไปทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในจังหวัดต่างๆเพื่อให้การรักษาพยาบาลกับประชาชน
          พระราชจริยวัตรอันงดงามของทั้งสองพระองค์ ทำให้ประชาชนในปัจจุบันนำมาปรับใช้กับชีวิตตนเองได้ อาทิ ในเรื่องความประหยัดเรียบง่าย ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ ต้องไม่ใช่ มีเพียงแค่ความเข้าใจและใส่ใจในคนรอบข้างเท่านั้น แต่ต้องลงมือปฏิบัติด้วยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อไป อาจเรียกได้ว่าสมเด็จพระ บรมราชชนก พระราชทานมรดกชิ้นสำคัญของโลกให้แก่ปวงชนชาวไทย นั่นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั่นเอง จนทำให้บางทีผมอ่านไปแล้วลืมนึกไปว่านี่เป็นหนังสือของพระบรมราชชนก ด้วยซ้ำ" เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนากล่าว
          ด้าน พ.ญ.สมฤดี (กยาวัฒนกิจ) เอื้อสุดกิจ กล่าวว่า "ได้เกิดมาในครอบครัวคนรวย ที่สอบเข้าเรียนแพทย์เพราะกระแสนิยมในขณะนั้น แต่เมื่อได้เข้ามาเรียนแล้วประกอบกับทุกวันได้เห็นพระอนุสาวรีย์พระราชบิดา ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและกระตุ้นเตือนให้ตัวเองต้องเรียนแพทย์ให้จบ ด้วยเหตุผลที่ว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากสอบเข้ามาเรียนตรงนี้แต่พลาดโอกาส ตลอดเวลาคิดเสมอว่าหากไม่มีพระราชบิดาเป็นผู้เริ่มต้นทางการแพทย์ ประเทศ ไทยคงไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนทุกวันนี้"
          หนังสือ "120 ปี มหิดลอดุลเดช" นั้น เนื้อหาภายในเล่มจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วยพระราชประวัติ พระราชนิพนธ์ เอกสาร และจดหมายเหตุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพระราชกรณีย กิจอันสำคัญ บท ความเฉลิมพระ เกียรติ และบทสืบ สานพระราชปณิธาน เขียนโดยผู้ที่มีบท บาทสำคัญทางวงการแพทย์และสาธารณ สุข
          รายได้จากการจำหน่ายจะนำไปสมทบกองทุนพระราชมรดก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งเป็นทุนพัฒนาอาจารย์แพทย์ ไปศึกษาและอบรมทั้งในและนอกประเทศ และเพื่อพัฒนาวิชาทางการแพทย์ให้กว้างขวางและทันสมัยต่อไป
          ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองหนังสือที่มีคุณค่า ควรแก่การอ่าน และเก็บรักษาเพื่อประโยชน์ต่อชนรุ่นหลังได้ที่งานวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหา วิทยาลัยมหิดล โทร.0-2419-7680-1 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป