"มะเร็ง" โรคร้ายอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 60,000 คน และอีกประมาณ 2 แสนคน ยังคงเผชิญกับโรคนี้อย่างทุกข์ทรมาน โดยยาที่ใช้รักษาโรคก็มีราคาแพงและยังมีผลข้างเคียงสูง
          ปัจจุบันจึงมีการสรรหาทางเลือกใหม่ให้กับผู้ป่วย เพื่อให้เข้าถึงการรักษามากขึ้นทั้งช่วยลดผลข้างเคียงได้ โดยหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ คือ "หญ้าปักกิ่ง" สมุนไพรที่มีการใช้มายาวนานในประเทศไทย แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย โดยนายณรงค์ สุทธิกุลพาณิช เป็นผู้ริเริ่มนำมาเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2515 หลังพบว่ามีผู้ที่หายจากโรคมะเร็งด้วยหญ้าปักกิ่ง
          ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า ข้อมูลจากประสบการณ์ของผู้ใช้หญ้าปักกิ่ง ที่นายณรงค์ได้รวบรวมไว้ ทำให้เกิดการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการค้นคว้าเกี่ยวกับการออกฤทธิ์ทางยาของหญ้าปักกิ่ง เช่น มีการค้นพบว่า น้ำคั้นหญ้าปักกิ่งมีสารไกลคอสฟิงโกไลปิด (glycosphingolipid) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านการก่อกลายพันธุ์ มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิต้านทาน ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และลดระดับน้ำตาลในเลือด
          โดยมีรายงานการประชุมวิชาการของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ระบุถึง "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหญ้าปักกิ่ง" ซึ่งภญ.ปัทมา สุนทรศารทูล ได้นำเสนอผลการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูก 10 ราย โดยให้ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงและเคมีบำบัดจำนวน 5 ราย ได้รับน้ำคั้นหญ้าปักกิ่ง ส่วนอีก 5 ราย ได้รับยาหลอก เพื่อทดสอบประสิทธิผลในการลดผลข้างเคียงจากการฉายรังสีและเคมีบำบัด
          ภญ.ดร.สุภาภรณ์ บอกด้วยว่า ด้านอาการสำคัญที่ใช้ในการประเมินผู้ป่วย คือ อาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหารแผลในปาก ปากแห้ง อ่อนเพลีย ปวดข้อและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ท้องผูก ผมร่วง และอาการไข้ ซึ่งมีผลปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับน้ำคั้นหญ้าปักกิ่งมีอาการข้างเคียงเหล่านี้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ ถึงแม้ในการศึกษาจะมีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่สามารถพิสูจน์ได้ว่าน้ำคั้นหญ้าปักกิ่งมีประสิทธิผลในการลดผลข้างเคียงของการฉายรังสีและเคมีบำบัดค่อนข้างชัดเจน
          สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการใช้สมุนไพรได้ที่ศูนย์ข้อมูล มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี โทร.0-3721-1289