HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 24/03/2555 ]
กฟผ.สั่งกักน้ำ2เขื่อนใหญ่ สู้แล้งเดือนเมย.ลามแล้ว30จว.

ภัยแล้งลามเกือบทั้งประเทศแล้ว กฟผ.สั่งกักน้ำ ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์หวังเก็บไว้ใช้เดือนเม.ย. ที่อาจแล้งหนัก พร้อมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว 30 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออกอ่วมหมด ศรีสะเกษสั่งห้ามทำนาปรังนอกฤดู หลังน้ำในอ่างเก็บแห้งขอด ขณะที่หมอกควันยังฟุ้งต่อเนื่องเชียงใหม่ระดมซี 130 โปรยน้ำทั่วเมืองส่วน 'หลินปิง' รอดพิษหมอก เหตุอยู่ในห้องแอร์ตลอด 'ปลอด' ชี้ 2 สัปดาห์หมอกควันจางแน่กรมควบคุมมลพิษยันฝุ่นควันมาจากเพื่อนบ้าน
          'ปลอด'ชี้ 2 สัปดาห์-หมอกจาง
          เมื่อเวลา11.30 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือว่า ในฐานะที่เคยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ เห็นว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดหมอกควันมีอยู่ 3 ประการ คือ 1.เกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน2.การเผานา และ 3.การเผาป่าซึ่งมีทั้งเพื่อรุกที่และไล่สัตว์ซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์ไม่ใช่จากการเสียดสีของไม้หรือฟ้าผ่า ดังนั้นจำเป็นต้องแก้ที่ตัวคน โดยในส่วนของการเผานาต้องทำความเข้าใจกับชาวนา ส่วนการเผาป่าจำเป็นต้องปิดป่า เพื่อไม่ให้คนเข้าไปทั้งนี้ ขอให้ทุกคนอดทน เพราะสถานการณ์จะคลี่คลายไม่เกิน 2 สัปดาห์ต่อจากนี้
          คพ.ยันฝุ่นควันมาจากเพื่อนบ้าน
          ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) นายวิจารย์สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แถลงรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทยปี 2554 ว่าสถานการณ์มลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อมประจำปี 2554 มีเหตุร้องเรียน 7,474 เรื่องเพิ่มขึ้นจากปี'53 เล็กน้อย โดยในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เป็นพื้นที่มีการร้องเรียนมากที่สุด และปัญหาที่ร้องเรียนมากที่สุดคือ มีกลิ่นเหม็น มีฝุ่นละออง เขม่าควันและเสียงโดยทุกเรื่องร้องเรียนจะดำเนินการตามระเบียบพ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมาถือว่ายังมีอุปสรรคอยู่หลายด้าน เช่น การจัดการของเสียอันตรายจากชุมชน เพราะของเสียส่วนใหญ่ถูกทิ้งปะปนกับขยะมูลฝอยทั่วไป หรือขายให้ผู้รับซื้อของเก่าที่มีการถอดแยก โดยไม่คำนึงถึงการปนเปื้นของสารอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ส่วนการบำบัดน้ำเสียมีเพียง 100 แห่งเท่านั้น และยังไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          นายวิจารย์กล่าวอีกว่า ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องสามารถบ่งชี้ได้ว่ายังมีการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ โดย คพ.ตรวจจุดความร้อนจากดาวเทียมทุกวัน และพบว่าจุดความร้อนยังกระจายตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งในเขตของประเทศเพื่อนบ้านด้วยอีกทั้งพื้นที่ภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นแอ่งกระทะ หมอกควันจึงไม่แพร่กระจาย ซึ่งในส่วนนี้ต้องแก้ไขวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านที่ใช้วิธีการเผาอยู่ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับการทำลายวัชพืชที่ถูกวิธี
          30 จว.ประสบภัยแล้งหนัก
          รายงานข่าวจากศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 30 จังหวัด 185 อำเภอ1,271 ตำบล 12,826 หมู่บ้าน ได้แก่ กำแพงเพชร ลำปาง ลำพูน สุโขทัย น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ อุตรดิตถ์ เชียงราย เชียงใหม่ เลยหนองคาย หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ ขอนแก่นอำนาจเจริญ บุรีรัมย์ มหาสารคาม อุดรธานีกาฬสินธุ์ เพชรบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราดและปราจีนบุรี โดยภัยแล้งส่งผลกระทบด้านการเกษตร จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงรายและแพร่ กระทบเกษตรกร 14,567 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 86,830 ไร่ แบ่งเป็นกระทบกับข้าว 17,963 ไร่ พืชไร่ 62,343 ไร่พืชสวนและอื่นๆ6,524 ไร่
          สั่งกักน้ำ 2 เขื่อนใหญ่
          นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อากาศร้อนและแห้งแล้งในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ ที่อุณหภูมิอาจเพิ่มสูงขึ้นดังนั้นที่ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ จึงมีมติปรับลดปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในส่วนที่เกินความต้องการใช้น้ำลงอีกแล้วค่อยเพิ่มการระบายน้ำให้มากขึ้นในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด
          นายกิตติกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ8,182 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งไปแล้ว 6,378 ล้านลบ.ม.โดยปรับลดการระบายน้ำจากวันละ 43 ล้านลบ.ม. เหลือ 39 ล้านลบ.ม. ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ 5,770 ล้านลบ.ม. ระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งไปแล้ว 4,639 ล้านลบ.ม. และปรับลดการระบายน้ำจากวันละ 21-22 ล้านลบ.ม. เหลือ20 ล้านลบ.ม.
          ซี 130 โปรยน้ำทั่วเชียงใหม่
          ส่วนสถานการณ์หมอกควันที่ยังฟุ้งกระจายหลายพื้นที่ภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ ฝุ่นควันยังคงแพร่กระจายในหลายอำเภอ ทั้งฝาง แม่อายไชยปราการ และเชียงดาว โดยก่อนหน้านี้หมอกควันจางลง หลังจากมีฝนตกลงมา แต่เมื่อฝนเริ่มซาก็กลับมาฟุ้งกระจายอีกครั้ง โดยสาเหตุมาจากการเผาป่าทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านและในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ดำเนินการแก้ไขและลงโทษผู้ลักลอบเผาป่าอย่างจริงจังจนทำให้หมอกควันฟุ้งกระจายเพิ่มขึ้น แล้วชาวบ้านในพื้นที่เริ่มล้มป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะอำเภอที่ตั้งอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านจะมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองบิน 41 นำเครื่องบินซี-130 และเครื่องบินขนาดเล็กอีก2 ลำ นำน้ำขึ้นไปโปรยในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อลดปัญหาหมอกควัน โดยกำหนดออกปฏิบัติการ 2 ครั้งในช่วงเช้าและบ่าย ส่วนบรรยากาศในเมืองเชียงใหม่ประชาชนต่างหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ
          'หลินปิง'รอดหมอกควัน
          ด้านนายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ รองประธานเชียงใหม่ซูอะควาเรียม ในสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า จากปัญหาหมอกควันส่งผลให้ต้องประสบภาวะขาดทุนเดือนละประมาณ 2-3 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จึงอยากให้ภาครัฐมีนโยบายหรือมาตราการช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดอย่างเร่งด่วน
          นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับหมอกควันที่ปกคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่ไม่ส่งผลกระทบต่อหมีแพนด้าในสวนสัตว์ ทั้งหลินปิง ช่วงช่วง และหลินฮุ่ย เพราะหมีแพนด้าทั้งหมดอยู่ในอาคารที่มีแอร์ แต่เพื่อความไม่ประมาทได้ให้รถน้ำมาฉีดพ่นรอบสวนสัตว์ เพื่อหวังลดปริมาณฝุ่นละออง
          เฒ่าลำปางสำลักควันดับ
          ที่จ.ลำปาง สถานการณ์หมอกควันยังคงปกคลุมหลายพื้นที่ โดยวัดค่าฝุ่นละอองในอากาศได้ 143.2 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ซึ่งจังหวัดได้ประกาศมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ด้วยการให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการงดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่าและไฟป่ารวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดเผาขยะเศษวัสดุการเกษตร และกิ่งไม้ใบหญ้า เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น  นอกจากนี้ ยังมีประชาชนล้มป่วยจากการสูดดมหมอกควัน และล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายปี วงศ์อะทะ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 ม.1 บ้านดงหัวฝาย ต.บ้านดงอ.แม่เมาะ เสียชีวิตด้วยโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหืดหอบกำเริบ หลังจากผู้ตายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 2 วัน จากนั้นกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน
          ที่จ.น่าน ปัญหาหมอกควันยังคงลุกลามต่อเนื่องรวมทั้งมีไฟป่าแพร่กระจายหลายพื้นที่โดยล่าสุด ปภ.น่านรับแจ้งเกิดไฟป่าลุกไหม้บริเวณเนินเขาบ้านสวนทุ่งผึ้ง ถ.ปางค่า-ผาตูบต.ไชยสถาน อ.เมืองน่าน จึงนำรถดับเพลิง 4 คัน เข้าสกัดกั้นไม่ให้เพลิงลุกลาม เบื้องต้นพบเพลิงลุกไหม้พื้นที่ไปแล้ว 70 ไร่ และลุกลามเข้าสวนไร่นาและบ้านพักชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดกั้นและดับไฟไว้ได้ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากชาวบ้านลักลอบเผาใบไม้ในสวน ก่อนลุกลามเป็นวงกว้าง
          แพร่เผาป่า-โค่นต้นไม้อื้อ
          ที่จ.แพร่ เกิดไฟป่าลุกลามเขตป่าสงวนแห่งชาติวังธง ม.6 ต.วังธง อ.เมืองแพร่ เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 10 คัน เข้าไปสกัดกั้นไม่ให้เพลิงลุกลาม เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบป่าถูกเผาแล้วแผ้วถางใหม่ๆ โดยมีการโค่นต้นไม้น้อยใหญ่นับร้อยต้นกองเรียงรายกันเต็มไปหมด ต่อมา นายชวลิต เมฆจำเริญ ปลัดจังหวัดแพร่ ร่วมกับ พ.ต.อ.วันชัย เจริญผลผกก.สภ.เมืองแพร่ เข้าตรวจสอบและสั่งการให้ตามหาตัวการที่บุกรุกป่าและเผาป่าในครั้งนี้โดยด่วน เพราะเป็นการทำลายป่าอย่างอุกอาจ
          ศรีสะเกษห้ามทำนาปรังเพิ่ม
          ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มลุกลามหลายพื้นที่เช่นกัน ที่จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านต้องประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคและน้ำสำหรับเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก เนื่องจากระดับน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเริ่มแห้งขอด วัวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านต้องผอมโซ เพราะขาดทั้งน้ำและหญ้ากินเป็นอาหาร ชาวบ้านต้องซื้อน้ำให้กับสัตว์เลี้ยง ส่วนไร่ข้าวโพดของชาวบ้านต้นข้าวโพดเริ่มแห้งตายจำนวนมาก
          นายไพฑูรย์ ไชยภูมิสกุล ชลประทานจังหวัดกล่าวว่า จากการออกสำรวจอ่างเก็บน้ำห้วยซัน ต.โพนข่า เพื่อบริหารจัดการน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้เพียงพอ ขณะนี้เร่งส่งน้ำให้กับเกษตรกรที่ทำนาปรังเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และสั่งห้ามเกษตรทำนาเพิ่มอีก ส่วนระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งจังหวัดเหลือเพียงร้อยละ 26 เท่านั้นซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยขณะนี้มีพื้นที่ประกาศเป็นภัยพิบัติแล้งแล้ว 6 อำเภอ ได้แก่อุทุมพรพิสัย ราษีไศล น้ำเกลี้ยง กันทรลักษ์ไพรบึง และพยุห์
 


pageview  1204962    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved