นพ.ชูพงศ์ แสงสว่าง นายแพทย์ชำนาญการ ร.พ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กล่าวในรายงานเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เรื่องการสอบสวนเบื้องต้น กรณีการสอบสวนกลุ่มผู้ป่วยหมดสติ เสียชีวิต ขณะอาบน้ำในห้องน้ำโดยใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบก๊าซ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่า จากการได้รับรายงานผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 28 ปี หมดสติและเสียชีวิตขณะอาบน้ำในที่พักดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จากการวิเคราะห์ โดยการชันสูตรเก็บผลเลือดและศึกษาระบบไหลเวียนอากาศในห้องน้ำ พบว่า ผู้เสียชีวิตได้เปิดใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นราวครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ ยังได้สอบสวนผู้ป่วย 3 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยว ไม่มีโรคประจำตัว อาการที่พบ คือ อาเจียน หมดสติ ระยะเวลาอาบน้ำ 40-60 นาที โดยผู้เสียชีวิตพักกันคนละแห่งแต่เป็นห้องน้ำแบบระบบก๊าซ ใช้ปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ตัวเครื่องผลิตจากแห่งเดียวกันไม่ได้มาตรฐาน แต่อยู่ในสภาพปกติ

          นพ.ชูพงศ์กล่าวต่อว่า จากการอภิปรายผลการ ศึกษา พบว่า กลุ่มผู้ป่วยหมดสติและเสียชีวิตขณะอาบน้ำ น่าจะเกิดจากภาวะออกซิเจนในเลือดน้อย (Hypoxia) จากภาวะพิษของก๊าซหลายชนิด โดยเฉพาะคาร์บอน มอนอกไซด์ และการลดลงของออกซิเจน สาเหตุน่าจะมาจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งใช้ปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิงในห้องน้ำที่การไหลเวียนอากาศไม่ดี ยืนยันได้จากการตรวจวัดค่าก๊าซที่สูงระดับเป็นอันตรายต่อชีวิต ทำให้เกิดการคั่งของก๊าซพิษ ซึ่งพบว่าในที่เกิดเหตุไม่มีระบบการระบายอากาศที่ดี และยังสัมพันธ์กับเวลาอาบน้ำที่นานกว่าปกติ

          นพ.ชูพงศ์กล่าวต่อว่า มาตรการป้องกัน ผู้ประกอบการที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบก๊าซ ควรทำให้เกิดระบบการไหลเวียนของอากาศที่ดี มีป้ายคำเตือนว่าไม่ควรอาบน้ำเกิน 10 นาที ไม่ควรอาบน้ำโดยที่ไม่มีผู้อื่นอยู่ในห้องพักด้วย หรือให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้นอกห้องน้ำ เป็นต้น