ศ.เกียรติคุณ ดร.นันทวัน บุณยะประภัศร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กล่าวในงานประชุมวิชาการแห่งชาติด้านอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพ ครั้งที่ 1 เรื่อง "คุณค่าทางโภชนาการและคุณสมบัติเชิงสุขภาพของผลไม้ไทย" จัดโดยสถาบันโภชนาการ ม.มหิดล ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า สหรัฐอเมริกาแนะนำให้บริโภคผลไม้วันละ 2 ถ้วยครึ่ง เนื่องจากผลไม้อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

          ศ.เกียรติคุณ ดร.นันทวันกล่าวว่า สารพฤกษเคมีที่พบได้ในผลไม้ไทยมีทั้ง 1.ใยอาหาร มีประโยชน์ในการขับถ่าย ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล ไขมัน และคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งลำไส้ ลดอนุมูลอิสระ ทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น 2.คาโรตินอยด์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดเสี่ยงมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด ต้อกระจก 3.ฟลาโวนอยด์ ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ฟลาโวนอยด์กลุ่มไอโซฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิง กลุ่มแอนโทไซยานิน ซึ่งมีสีแดงยังช่วยขยายหลอดเลือด เป็นต้น

          ศ.เกียรติคุณ ดร.นันทวันกล่าวด้วยว่า 4.กรดฟินอลิก มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น 5.กรดอินทรีย์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ 6.เทอร์ปีน เป็นสารที่ให้กลิ่นหอมมีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง และ 7.พรีไบโอติก ประกอบด้วย อินซูลิน และโอลิโกแซกคาไรด์ ช่วยให้แบคทีเรียก่อโรคและมีประโยชน์สมดุลกัน ผลไม้ที่ควรรับประทาน คือ ส้ม ส้มโอ สับปะรด กล้วย ทับทิม มะละกอ มะเฟือง ทุเรียน มังคุด มะม่วง ฝรั่ง น้อยหน่า และแก้วมังกร

          ส่วนผลไม้บางอย่างที่ให้พลังงานและน้ำตาลสูงอย่างทุเรียน มีงานวิจัยชี้ว่าผลไม้มีใยอาหารหรือไฟเบอร์ ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล