นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงโรคมือเท้าปาก ที่พบว่าเริ่มมีเด็กป่วย และเสียชีวิต 1 รายนั้น ว่า โรคมือเท้าปาก นั้น เป็นโรคประจำถิ่นที่พบผู้ป่วยปีละหลายหมื่นราย และมีอัตราการเสียชีวิต 1-2 รายในแต่ละปี ซึ่งอัตราดังกล่าวยังอยู่ในอัตราปกติ เพราะตามสถิติจะพบว่าโรคนี้จะมีอัตราตายอยู่ที่ 1 รายต่อผู้ป่วย 1 หมื่นราย เพราะโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น และมีเชื้ออยู่ในเกือบทุกที่ แต่สามารถป้องกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอนให้เด็กมีสุขลักษณะที่ดี คือ รู้จักการล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนกินอาหาร และหลังใช้ห้องน้ำทุกครั้ง ก็จะช่วยป้องกันโรคมือเท้าปากได้

          "ลักษณะที่สำคัญของโรคที่ต้องระวัง คือ เมื่อเด็กมีตุ่มใสขึ้น และมีไข้สูง ปากแดง เกิน 3 วัน จะต้องรีบพบแพทย์ เพราะโรคดังกล่าวสามารถเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้ต่อระบบหัวใจ เมื่อเด็กมีลักษณะอาการของโรคมือเท้าปาก จึงต้องรีบนำส่งแพทย์ให้รวดเร็ว ไม่ให้เกิน 3 วันหากมีไข้สูง เพราะจะทำให้เชื้อลามไปที่หัวใจ หรือสมอง จนทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน จนไปถึงขั้นเสียชีวิตได้" นพ.พรเทพกล่าว

          นพ.พรเทพกล่าวต่อว่า ปัจจุบันศูนย์เด็กเล็กที่ได้มาตรฐานในระบบมีมากกว่าร้อยละ 70 ซึ่งในส่วนที่ยังไม่ได้มาตรฐานนั้น เกิดจากเป็นศูนย์เด็กเล็กที่สร้างมาเป็นเวลานาน มีที่ล้างมือ และห้องส้วมไม่พอ ซึ่งหลายส่วนกำลังปรับปรุงอยู่ ส่วนศูนย์เด็กเล็กที่ได้มาตรฐานจะมีแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดูแลเด็กและช่วยควบคุมโรคอยู่ ซึ่งเด็กจะได้รับการสังเกตร่างกายอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติ หรือมีไข้ ก็จะแยกเด็กและให้พบแพทย์ และสอนสุขลักษณะที่ดี คือ การล้างมืออย่างถูกวิธี โดยมีครูพี่เลี้ยงคอยสอนตลอดเวลา

          ในช่วงที่เริ่มพบการระบาดของโรค อาจต้องมีมาตร การที่เข้มงวดขึ้น เน้นการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อย่างถูกต้องให้กับเด็กอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันโรคได้