นพ.สุทธิ ถาวรยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มอายุรกรรม ร.พ.หนองบัวลำภู ในฐานะประธานเครือข่ายโรคหัวใจ จ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า จากการที่ ร.พ.หนองบัวลำภูร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 8 จ.อุดรธานี จัดทำโครงการพัฒนาระบบดูแลเครือข่ายโรคหัวใจขาดเลือด โดยมีร.พ.หนองบัวลำภูเป็นแม่ข่ายดูแลภายในจังหวัด และพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 5 แห่ง ได้แก่ ร.พ.ศรีบุญเรือง ร.พ.สุวรรณคูหา ร.พ.นากลาง ร.พ.นาวัง และร.พ.โนนสัง ให้มีความรู้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจขาดเลือด รวมถึงให้ยาละลาย ลิ่มเลือดแก่ผู้ป่วย โดยร.พ.หนองบัวลำภูจะจัดส่งยาละลายลิ่มเลือดไปสำรองไว้ที่ รพช.แห่งละ 1 โด๊ส เพื่อให้ยา ผู้ป่วยได้ทันที และวินิจฉัยจากอาการและคลื่นไฟฟ้าหัวใจว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือดภายใน 30 นาที รพช.ปรึกษาอายุรแพทย์ของ ร.พ.หนองบัวลำภูได้ตลอดเวลา เมื่อ มีผู้ป่วยต้องสงสัยโรคนี้ ผ่านระบบการสื่อสารต่างๆ โดย

          เฉพาะแอพพลิเคชั่นไลน์ ในการส่งภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยให้อายุรแพทย์พิจารณา

          "หลังผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดที่ รพช.ภายใน 1 ชั่วโมง เมื่ออาการอยู่ในเกณฑ์ส่งต่อได้ ต้องส่งตัวมายังร.พ.หนองบัวลำภู หรือ ร.พ.ศูนย์อุดรธานี หากผู้ป่วยไม่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดทันเวลา จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และเสียชีวิต ผลการดำเนินงานช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ทันท่วงที โดยอัตราการเข้าถึงยาภายใน 30 นาที ปี 2553 อยู่ที่ร้อยละ 30.77 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61.11 ในปี 2554 ส่วนปี 2555 เพิ่มเป็นร้อยละ 67.35 และปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 73 อัตราตายเหลือร้อยละ 8 จากเดิมมากกว่าร้อยละ 10" นพ.สุทธิกล่าว

          นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2552 สปสช. มีนโยบายสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันฯ ในสิทธิบัตรทอง ซึ่งปี 2555 ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 35.22