รศ.พญ.ศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.รามาธิบดี กล่าวว่า ปัจจุบันนี้การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกและประเทศไทย โดยในประเทศไทยยังพบว่าสัดส่วนการติดเชื้อส่วนใหญ่ เกิดจากเพศสัมพันธ์ทั้งที่เป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศ รวมทั้งการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งปัจจุบันมียารักษาทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้เป็นปกติขึ้น แต่ยังพบว่าปัญหา คือ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ทราบว่าตนเองติดเชื้อเมื่อมีอาการหรือติดเชื้อมานานแล้ว ทำให้ยาที่มียังให้การรักษาได้ไม่ดี ทำให้เกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแทรกซ้อน เช่น วัณโรคหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา เป็นต้น

          "ปัจจุบันมียาและวิธีการป้องกันโรค เช่น การใส่ถุงยางอนามัย การรับยาต้านไวรัส โดยการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ป้องกันได้ โดยการลดพฤติกรรมเสี่ยง และการป้องกันโดยวิธีต่างๆ ที่ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่ยงนั้น ปัจจุบันยังมีการศึกษาวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ การทำให้การรักษาเป็นแบบหายขาด ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักได้รับการวินิจฉัยช้า ไม่ได้มีการตรวจเลือดคัดกรองโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยง รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ ส่งผลให้ได้รับการรักษาช้า เกิดภาวะแทรกซ้อน การป้องกันโรคหากรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงต้องรับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ" รศ.พญ.ศศิโสภิณกล่าว