กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดสัมมนา "สมัชชาสหวิชาชีพเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี" เมื่อไม่นานนี้ ที่โรงแรมพาลาซโซ
นายศุภฤกษ์ หงษ์ภักดี รองปลัดพม. กล่าวในพิธีเปิดว่า จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขในปี 2553 พบว่าเด็กและสตรีที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศมีจำนวน25,767 ราย แบ่งเป็นเด็กร้อยละ 53 ผู้หญิงร้อยละ 47 ศูนย์ข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวปี 2551-2554 ยังพบว่าผู้กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากถึงร้อยละ 86 การแก้ปัญหาความรุนแรงในเด็กและสตรีต้องเกิดจากความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชุมชน
ในปี 2555 จะมีการนำพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จในการลดความรุนแรงในเด็กและสตรีของจ.สมุทรปราการและนนทบุรีเป็นตัวอย่างให้พื้นที่อื่นๆ ได้เรียนรู้และประยุกต์ใช้
น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวพ.ศ.2550 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีการบัญญัติที่ดี แต่ในทางปฏิบัติของผู้บังคับใช้กฎหมายรวมถึงกลไกการดำเนินการยังขาดความเข้าใจ รวมถึงการประสานงานข้ามหน่วยงานที่ไม่ชัดเจนทำให้คดีที่เกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวมีจำนวนน้อย ในขณะที่ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นทุกปี
"ปัจจัยสำคัญมาจากการขาดความรับผิดชอบของบุคคลในครอบครัว สภาพครอบครัวที่อ่อนแอ แม้แต่ตัวผู้ถูกกระทำเองหลายราย ซึ่งมีทั้งในแวดวงไฮโซ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ หรือแม้แต่ครู ที่มีปัญหาและมาขอคำปรึกษา แต่ไม่กล้าดำเนินคดีผู้กระทำ เพราะเกรงจะกระทบต่อภาพพจน์ทางสังคม กระทบต่อทรัพย์สิน หรือกลัวว่าสามีจะต้องติดคุก สิ่งเหล่านี้เป็นเพราะขาดความเข้าใจ