ระเบิดถล่มทหารยะลาตายอีก 4 ศพที่กรงปินัง ชาวบ้านขับปิกอัพผ่านโดนลูกหลง บาดเจ็บไปด้วย 3 ราย รองนายกฯ ประชาประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาชายแดนใต้ มีมติให้ 'ศอ.บต.' จ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์ตากใบ อีก 51 ราย กรณีพิการรายละไม่เกิน 4.5 ล้านบาท เจ็บสาหัสไม่เกิน 1.1 ล้านบาท พร้อมรับทราบเรื่องตั้ง 2 อำเภอใหม่ยะลา ขณะที่ ก.ยุติธรรม มีมติหนุนให้ถอนชื่อ 'ใบกระท่อม' พ้นบัญชียาเสพติด เตรียมเสนอ รมว.สาธารณสุข หารือคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด
          เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 2 ต.ค. พ.ต.อ.เมธา สิงหเสนา ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะยา รับแจ้งเหตุระเบิดที่ถนนสายกรงปินัง-สะเอะ บ้าน กาดูโอ๊ะ หมู่ 3 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จึงนำกำลังตำรวจ ทหาร และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบรถหุ้มเกราะของทหาร สังกัดชุดร้อย ร.4022 ฉก.ยะลา 13 พลิกคว่ำพังยับเยิน พบทหารเสียชีวิตคาที่ 2 ศพ ทราบชื่อ จ.ส.อ.สายหยุด เฟื่องเดช อายุ 51 ปี และส.อ.เกียรติศักดิ์ บัวผลัด อายุ 29 ปี
          นอกจากนี้ ยังมีทหารอีก 2 นาย บาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อ ส.อ.ธราพงษ์ ตาละสา อายุ 29 ปี และพลฯ สุรพันธ์ แสงท้าว อายุ 22 ปี อีกทั้งยังมีชาวบ้าน 3 คนถูกลูกหลงบาดเจ็บไปด้วย ทราบชื่อนายมะ มาหะมิง อายุ 40 ปี ด.ญ. ซูรนาณี มาหะมิง อายุ 12 ปี และด.ช.มูฮำหมัดฮัฎฮา มาหะมิง อายุ 5 ขวบ จึงลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งร.พ.ยะลา แต่ต่อมา ส.อ.ธราพงษ์ และพลฯ สุรพันธ์ เสียชีวิตภายหลังนำส่งร.พ.
          จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบหลุมระเบิดกว้าง 5 เมตร ลึก 1 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน บต 6805 ปัตตานี ของนายมะ สภาพพังยับเยินเช่นกัน พบเศษถังแก๊ส แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และเศษสายไฟ คาดว่าเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร หรือไม่ก็แบตเตอรี่ และสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าขณะที่ทหารเดินทางด้วยรถหุ้มเกราะ เพื่อรักษาความปลอดภัยครู เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เกิดระเบิดขึ้น และเป็นจังหวะเดียวกับที่รถกระบะของชาวบ้านผ่านมาพอดี จึงถูกระเบิดไปด้วย
          ส่วนที่ จ.ปัตตานี เวลา 12.00 น. พ.ต.อ. จีรเศรษฐ ดาวเงินตระกูล ผกก.สภ.สายบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนในท้องที่หมู่ 6 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุพบศพนายมะวี มะแซ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 6 ต.มะนังดาลำ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะ สอบสวนทราบว่าขณะที่นาย มะวียืนอยู่ริมถนน มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาประกบและชักอาวุธปืนพกสั้นยิงใส่ 1 นัด เสียชีวิตคาที่ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวนว่ามาจากเรื่องขัดแย้งส่วนตัว หรือฝีมือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่
          วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณา 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า เรื่องไหนที่เห็นสอดคล้องก็พูดคุยกันต่อ เรื่องไหนที่เห็นไม่สอดคล้องกันก็ต้องทบทวน จะเป็นฝ่ายเขาหรือเราที่จะทบทวนก็ต้องว่ากันไป แต่ยืนยันว่าการเจรจาต้องมีต่อไป
          ต่อมา พล.ต.อ.ประชาเป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้แทนกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาประชุมนาน 2 ชั่วโมง
          ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยผลประชุมว่าที่ประชุมเห็นชอบให้ ศอ.บต.ดำเนินมาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเดือนต.ค.2547 จำนวน 51 ราย ที่ยังตกค้างการช่วยเหลือ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยา ดังนี้ กรณีพิการเยียวยารายละไม่เกิน 4,500,000 บาท บาดเจ็บสาหัส ไม่เกิน 1,125,000 บาท บาดเจ็บปานกลาง รายละไม่เกิน 675,000 บาท และบาดเจ็บเล็กน้อย รายละไม่เกิน 225,000 บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณปี 2557 ของ ศอ.บต.
          รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ กพต.เห็นชอบให้ศอ.บต.ขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย วงเงิน 18 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือนักศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อพยพกลับประเทศไทย จากเหตุจลาจลในประเทศอียิปต์ ให้เดินทางกลับไปศึกษาต่อที่อียิปต์ในเดือนต.ค.นี้ จำนวน 849 คน เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าวีซ่าส่งนักเรียนไทยกลับ แบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นแรกวันที่ 6 ต.ค.56 และรุ่นที่ 2 ปลายเดือนต.ค. อีกทั้งยังเห็นชอบให้กรมเจ้าท่าใช้งบฯ 252,000,000 บาท ดำเนินโครงการขุดลอกร่องน้ำปัตตานี เพื่อแก้ไขปัญหาร่องน้ำปัตตานีตื้นเขิน และให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพประมง
          ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อว่า กพต.ยังเห็นชอบให้เสนอ ครม.อนุมัติให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดซื้อที่ดิน 165 ไร่ งบประมาณ 21,975,700 บาท เพื่อดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จ.ปัตตานี และที่ประชุมยังรับทราบการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย ในการจัดตั้ง 2 อำเภอใหม่ จ.ยะลา โดยแยกออกจาก อ.เมืองยะลา และ อ.รามัน ตามที่ กพต.เห็นชอบไปเมื่อปี 2555 และอยู่ระหว่างการดำเนินการในขณะนี้
          ด้านนายปิยะ กิจถาวร รองเลขาฯ ศอ.บต. กล่าวถึงเหตุผลตั้ง 2 อำเภอใหม่ จ.ยะลา ว่า เนื่องจากเข้าเกณฑ์การแบ่งประชาชนในพื้นที่ปกครอง อีกทั้งยังดูแลความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนได้มากขึ้น รวมถึงการรับบริการสาธารณะต่างๆ ของประชาชนจะทำได้ง่ายขึ้น และเรื่องนี้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจเหตุผลที่ต้องดำเนินการ
          ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ถึงเรื่องเสนอถอนพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ว่าที่ประชุมมีความเห็นไปในทางเดียวกัน คือควรถอนพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด เนื่องจากเป็นพืชที่ชาวบ้านนิยมบริโภคเพื่อกระตุ้นในการทำงาน ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย รวมทั้งพืชกระท่อมมีประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์หลายประการ เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้ แต่การดำเนินการจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้นำไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติด
          รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กระท่อมเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่นำพืชกระท่อมไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติดรูปแบบต่างๆ โดยหลังจากนี้จะมีหนังสือสรุปความเห็นในนามกระทรวงยุติธรรม พร้อมข้อมูลสนับสนุนไปถึง นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เพื่อขอให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ กระทรวงสาธารณสุข แต่หากกระทรวงสาธารณสุขไม่เห็นด้วยเรื่องนี้ก็ต้องยุติ
          ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงเรื่องถอนชื่อกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดว่า การถอนชื่อกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดจะไม่กระทบกับภาพรวมการแก้ปัญหายาเสพติดของประเทศ เพราะจะพิจารณาเพิ่มโทษกับผู้ที่นำสารไมทราไจนีนจากใบกระท่อมไปผลิตเป็นยาเสพติดประเภทอื่น เช่น สี่คูณร้อย
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกระทรวงยุติธรรม และป.ป.ส. ที่เห็นควรให้ถอนพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษแล้ว ทางหน่วยงานด้านความมั่นคงเองก็สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เพราะมีประโยชน์มากกว่าโทษ และเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนในชนบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากใบกระท่อมไม่ผิดกฎหมายอาจช่วยลดเงื่อนไขในพื้นที่ได้ เพราะในบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ใช้เป็นข้ออ้างในการปิดล้อมจับกุม จนนำไปสู่ความไม่พอใจของชาวบ้าน