นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากอากาศเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิของอากาศเริ่มต่ำลง อากาศที่เย็นและแห้ง อาจทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำได้มากกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวแห้ง ลอก หยาบกร้าน ภาวะผิวแห้งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สภาพอากาศแห้ง การอาบน้ำร้อน ฟอกสบู่บ่อยเกินไป ภาวะขาดแคลนสารอาหาร ผู้ป่วยโรคไตวายที่ต้องฟอกไต ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคผิวหนังเกล็ดปลา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ที่พบบ่อย คือผิวแห้งในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อายุมากกว่า 60 ปี เกิดจากการผลิตไขมันที่ผิวหนังน้อยลง การเก็บกักน้ำและไขมันที่ผิวหนังไม่ปกติ ภาวะผิวแห้งส่งผลให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองที่ผิวหนัง อาการมักจะค่อยเป็นค่อยไป ถ้าถูแกะเการ่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง อาจทำให้เกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ
          พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการป้องกันและรักษาคือ ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจนเกินไป ควรใช้สบู่ที่อ่อนโยน ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย เพราะอาจทำให้มีการระคายเคือง ควรทาครีมบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ ถ้าผิวแห้งมากควรทาออย หรือน้ำมันร่วมด้วย และดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทายากันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ที่สำคัญต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง หากมีอาการแสบ แดง คัน ลอก มากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ