|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 25/04/2555 ] |
|
|
|
|
ทำบุญก่อนตายดีกว่า |
|
|
|
|
วันนี้พุธที่ 25 เมษายน ชาวมติชนทั้งปวงร่วมกันบริจาคโลหิตเป็นประจำ 3 เดือนต่อครั้งมานานกว่า 20 ปีอีกครั้ง นับตั้งแต่ ย้ายสำนักงานจากถนนเฟี๋องนคร หน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเพิ่งเป็นที่บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้
นอกจากการบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือนแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะอย่างอื่น เช่นดวงตา ไว้ด้วย
ทุกวันนี้นอกจากการบริจาคโลหิตให้กับหน่วยงานหลักคือศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยแล้ว ยังมีผู้บริจาคโลหิตอีกจำนวนไม่น้อยที่บริจาคให้กับโรงพยาบาล และบริจาคให้เฉพาะรายกับญาติ กับภริยาที่ต้องผ่าตัดเพื่อคลอดบุตร หรือบริจาคฉุกเฉินสำหรับกลุ่มโลหิตที่หายาก ซึ่งมีการประกาศเป็นครั้งคราว
แม้การประกาศรับบริจาคโลหิต ตลอดจนมีหน่วยงานซึ่งมีเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เช่นที่มติชนบริจาคโลหิตให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ แต่ปริมาณโลหิตก็ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ขณะเดียวกัน ศูนย์แห่งนี้ยังรับบริจาค สเต็มเซลล์ คือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือสเต็มเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตที่จะเจริญเติบโตเป็นเม็ดโลหิตแดง เม็ดโลหิตขาว และเกล็ดโลหิต ที่นำไปใช้รักษาโรคหลายโรค
โรคที่รักษาให้หายขาดได้ด้วยสเต็มเซลล์ คือโรคเกี่ยวกับระบบโลหิต แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มโรคมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง กับกลุ่มโรคเกี่ยวกับระบบเลือด ได้แก่ โรคไขกระดูกฝ่อ ซึ่งไขกระดูกไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้ตามปกติ และโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียกว่า 6 แสนราย และผู้ที่เป็นพาหะของโรคสามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานประมาณ 20 ล้านคน ดันั้น ก่อนแต่งงานควรตรวจพาหะธาลัสซีเมียก่อน ขณะที่โรคนี้รักษาให้หายขาดได้ด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งมีผลการรักษาให้หายขาดสำเร็จ 80%
ปัจจุบันการบริจาคสเต็มเซลล์กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติมี 1 แสนคน แต่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากยิ่งมีผู้บริจาคมากเนื้อเยื่อ HLA จะเข้ากับผู้ป่วยได้มาก ทำให้นำสเต็มเซลล์มารักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น
ห้วงสงกรานต์ที่ผ่านมาทำให้นึกถึงการบริจาคอวัยวะของผู้คน ซึ่งเป็นการบริจาค ก่อนเสียชีวิตด้วยตัวเอง หรือหลังเสียชีวิต จากพ่อแม่ญาติพี่น้อง หรือระหว่างหัวใจยังทำงาน แต่สมองตายแล้ว
ทั้งการบริจาคอวัยวะภายในยังทำได้ระหว่างมีชีวิต
การบริจาคแบบนี้นับเป็นความต้องการของผู้ป่วยที่ต้องทรมานกับการขาดอวัยวะ หรืออวัยวะพิการ
ว่าเฉพาะประเทศไทย มีผู้พิการอวัยวะ ทั้งตั้งแต่แรกเกิด ถึงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเป็นวัยหนุ่มสาว ถึงผู้สูงวัย เมื่อเกิดพิการหรืออวัยวะนั้นเสื่อมสภาพลงกระทั่งไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ถึงเวลาหนึ่งอาจถึงแก่ชีวิตในวัยอันไม่สมควร หรืออาจมีชีวิตยาวนานต่อไปได้อีกหลายปี หากอวัยวะนั้นได้เปลี่ยนหรือเพิ่มเสริม
ทุกวันนี้การแพทย์ในประเทศไทยมีแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านสามารถปลูกถ่าย หรือเปลี่ยนถ่ายอวัยวะทั้งภายนอกและภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้ป่วยที่อวัยวะพิการรอดชีวิตและมีชีวิตอยู่ต่อไป อวัยวะที่ว่ามีอาทิ หัวใจ ปอด ตับ ไต เป็นต้น
หนังสือเรื่อง "ชีวิตที่สาม" ของ อาจารย์ ปาจรีย์ อ่อนสอาด ที่เคยนำเสนอไปแล้ว ยืนยันถึงการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้เสียชีวิต ถึงผู้ป่วยซึ่งเป็นลูกสาวให้รอดชีวิตจากการผ่าตัดเปลี่ยนตับถึงสองครั้ง
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในเทศกาลสงกรานต์ ในเทศกาลปีใหม่ หรือเสียชีวิตด้วยประการอื่น หากผู้นั้นทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้แล้ว หรือมิได้บริจาค แต่ญาติหรือทายาทยินดีบริจาคอวัยวะนั้น หรืออวัยวะทั้งหมดในร่างกายก็แจ้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ได้ตลอดเวลา
พรุ่งนี้ 26 เมษายน เป็นวันสถาปนาสภากาชาดไทย ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิตควรงดดื่มแอลกอฮอล์ นอนหัวค่ำ รับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย หรือจะแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะอื่นด้วยก็เชิญ
|
| | |
|
| |
|
pageview 1205137 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |