เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูติ-นรีแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาล (รพ.) พิจิตร ในฐานะโฆษกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีมีการแชร์ภาพและเนื้อหาอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลถึงการพบก้อนไขมันปนเลือดผสมออกมาขณะสตรีปั๊มนมให้บุตรว่า โดยปกติ การให้นมบุตรจะไม่มีไขมันหรือเลือดปนออกมาด้วย แต่ที่พบการปนของเลือดและไขมันจะเป็นบริเวณรอบหัวนมที่มีต่อมไขมัน เนื่องจากต่อมดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยหล่อลื่นเวลาลูกดูดนม แต่บางครั้งนมอาจเกิดการอักเสบหากลูกดูดแรง ดังนั้น การพบเลือดปนไขมันขณะปั๊มนมจึงอาจเกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่หัวนม หรือปานนม ซึ่งหากพบว่าน้ำนมที่ปั๊มมีเลือดปนไขมันออกมาด้วย ก็ไม่ควรนำมาให้ลูกดื่ม เพราะอาจเป็นเลือดที่เกิดจากการอักเสบของแม่ แต่ไม่ต้องกังวลว่าเวลาลูกดูดนมแล้วจะได้รับก้อนเลือดดังกล่าว เนื่องจากเวลาลูกดูดนมจะดูดบริเวณปานนม หรือหัวนมซึ่งจะไม่ครอบคลุมต่อมไขมันบริเวณผิวหนัง และในการปั๊มนมแล้วพบก้อนเลือดปนไขมันนั้น ก็ไม่ได้อันตราย
          พญ.ชัญวลีกล่าวต่อไปว่า ในกรณีสตรีที่เพิ่งคลอดลูก และไม่อยากให้เกิดภาวะเต้านมคัด สิ่งที่แม่ต้องปฏิบัติคือให้ลูกดูดนมหลังคลอดประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยการคัดของนมถือเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ต้องหมั่นสังเกตว่าเป็นการคัด หรือการอักเสบของเต้านม เนื่องจากบางครั้งเวลาลูกดูดนม ปากของลูกอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ หรือนมไหลออกมาไม่หมดจึงทำให้เต้านมอักเสบ
          "วิธีสังเกตอาการว่าเป็นการคัดหรือการอักเสบของเต้านม คือ การคัดนมจะมีอาการตึงที่เต้านม แต่หากเป็นการอักเสบของเต้านมจะมีอาการเจ็บปวดและอาจมีภาวะไข้ร่วมด้วย เป็นต้น ส่วนการดูแลเต้านมคัด ให้ใช้วิธีประคบร้อนร่วมกับการให้ลูกดูดนมให้ถูกวิธีตามธรรมชาติ โดยยึดหลัก 3 ด ได้แก่ ดูดเร็ว คือ ดูดทันทีหลังคลอดภายใน 3 ชั่วโมง ดูดบ่อย คือ ให้ลูกได้ดูดนมแม่ทุก 2 ชั่วโมง และดูดถูกวิธี คือ การอุ้มลูกให้ถูกวิธีโดยการนำลูกมาแนบท้องแม่ และให้อมถึงลานนม" พญ.ชัญวลี กล่าว