พนักงานออฟฟิศเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเกิดอาการ "ออฟฟิศซินโดรม" ล่าสุด นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2559 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ประมาณ 20.2 ล้านคน เป็นกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) ที่ใช้คอมพิวเตอร์ 14.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.2 และจากผลสำรวจพนักงานที่ทำงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง 400 คน พบว่า ร้อยละ 60 มีอาการเจ็บป่วยจากการทำงาน โดยอาการที่พบได้บ่อย คือ 1.ปวดหลังเรื้อรัง 2.ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง และ 3.มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก
          ทั้งนี้ ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนที่ทำงานในออฟฟิศ สาเหตุของโรคมักเกิดจากสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานไม่เหมาะสม ไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ หรือเคลื่อนไหวร่างกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อและอวัยวะส่วนต่างๆ อักเสบ ทั้งนี้ มักพบในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 20-40 ปี ซึ่งอาจเป็นเพราะวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยน เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น
          วิธีป้องกันและปรับสมดุลคนทำงานออฟฟิศพิชิต คือ 2 ม. (เมื่อยตัวและเมื่อยตา) 1.เมื่อยตัว ป้องกันได้โดยการนั่งทำงานด้วยท่าทางการทำงานที่ถูกต้องเหมาะสม ของที่ใช้บ่อยให้วางไว้ใกล้ตัว จัดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมแก่ผู้ใช้งาน โดยหน้าจอคอมพิวเตอร์และเก้าอี้ที่นั่ง ควรปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน ควรหยุดพักเป็นระยะระหว่างทำงาน หากิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อ จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ลดความปวดเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้เป็นอย่างดี
          2.เมื่อยตา จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ ขณะทำงานให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง หรือให้พักหลับตาประมาณ 3-5 วินาที บ่อยๆ เพื่อช่วยกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ไหลออกมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ควรมีการพักสายตาเป็นช่วงสั้นๆ จากการทำงานกับคอมพิวเตอร์ทุก 1-2 ชั่วโมง ให้พักสายตาประมาณ 5-10 นาที โดยละสายตาจากคอมพิวเตอร์ มองไปไกลๆ
          และควรลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายบ้าง หากรู้สึกเคืองตา ปวดตา หรือแสบตา ให้พักสายตาทันที อย่าฝืนทำงานต่อ