HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 28/02/2560 ]
'สุกใส'ระบาดป่วยกว่า8พันราย สธ.แนะคนไข้หยุดเรียน-หยุดงาน

 กระทรวงสาธารณสุขเตือนประชาชนระวัง'โรคสุกใส' ชี้พบมากในเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี แนะกลุ่มเสี่ยงอย่าประมาท หากป่วยให้หยุดเรียน-หยุดงานจนกว่าจะหาย
          เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูฝนเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี มักพบการระบาดของโรคสุกใส ซึ่งปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยแล้ว 8,064 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต จึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เฝ้าระวังสถานการณ์ระบาด โดยเฉพาะในสถานที่ ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก มีโอกาสเกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก เรือนจำ เป็นต้น และให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค หากป่วยขอให้หยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะพ้นระยะการติดต่อ หรือช่วงที่แผลตกสะเก็ดและแห้ง ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณ 5 วันหลังเริ่มมีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ คนอื่นๆ
          นพ.โสภณกล่าวว่า โรคนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง โดยทั่วไปไม่พบโรคแทรกซ้อน แต่ในบางรายอาจมีอาการทางสมองและปอดบวมได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึง แก่ชีวิต ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด ผู้ที่กินยากดภูมิต้านทาน ทารกแรกเกิด สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ขอให้พบแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
          ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคสุกใสเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อว่า วาริเซลลา (Varicella virus) เป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ทำให้เป็นโรคงูสวัด โดยเชื้อจะกระจายตัวอยู่ในอากาศ ติดต่อทางการหายใจเอาละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย การคลุกคลีใกล้ชิด สัมผัสน้ำเหลืองจากตุ่มพองใสที่ผิวหนังของผู้ป่วย หลังรับเชื้อประมาณ 10-20 วัน จะเริ่มเกิดอาการมีไข้ต่ำๆ ต่อมาจะมีผื่นขึ้นที่หนังศีรษะ หน้า ตามตัว โดยเริ่มเป็นผื่นแดง ตุ่มนูน แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มพองใสในวันที่ 2-3 วัน หลังจากเริ่มมีไข้ หลังจากนั้นตุ่มจะเป็นหนอง เริ่มแห้งตกสะเก็ด รวมเวลา 5-20 วัน ผื่นอาจขึ้นในคอ ตา และในปาก เมื่อเป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต แต่เชื้ออาจหลบอยู่ในปมประสาทและมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดได้ภายหลัง
          "ในการป้องกันโรคนั้น ทำได้โดยล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูกทุกครั้งเวลาไอ จาม หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ไม่คลุกคลีใกล้ชิดและไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ควรแยกผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ นอกจากนี้ ในเด็กที่ยังไม่เคยเป็นโรคสุกใสมาก่อน ผู้ปกครองอาจพิจารณานำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคสุกใส 2 ครั้ง โดยครั้งแรกให้ฉีดเมื่ออายุ 12-18 เดือน และครั้งที่ 2 ฉีดเมื่ออายุ 4-6 ขวบ ในกรณีที่ไม่ได้ฉีดเข็มแรกตามอายุที่กำหนด ให้ฉีดเข็มแรกและเข็มที่ 2 เว้นระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน สำหรับวัยรุ่นที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปให้ฉีดวัคซีน 2 ครั้งเช่นกัน แต่ให้ฉีดห่างกัน อย่างน้อย 4-8 สัปดาห์" นพ.เจษฎากล่าว


pageview  1205083    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved