|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 24/02/2560 ] |
|
|
|
|
วัคซีนไข้เลือดออกความฝันที่เป็นจริง |
|
|
|
|
รศ.นพ.ชิษณุ พันธุ์เจริญ
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วัคซีนไข้เลือดออกความฝันที่เป็นจริงแก้ปัญหาสาธารณสุข
โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงซึ่งทำให้เกิดภาวะช็อก ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร และมีภาวะอวัยวะสำคัญล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตได้ การป้องกันโรคต้องอาศัยการควบคุมยุงลายและลูกน้ำยุงลาย และเมื่อเร็วๆ นี้มีการนำวัคซีนไข้เลือดออกมาใช้ไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมี 4 ชนิด โดย มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการไข้สูงนาน 3-7 วัน หน้าแดง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ตับโต และกดเจ็บ พบจุดเลือดออกที่ผิวหนัง และพบเลือดออกในกระเพาะ อาหารได้
การติดเชื้อครั้งที่สองมักทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง อาจมีการรั่ว ของพลาสมาออกนอกหลอดเลือด ซึ่งทำให้มีภาวะเลือดข้นและเกิดอาการช็อกได้
การวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกอาศัยการตรวจนับเม็ดเลือดหลังจากผู้ป่วยมีอาการไข้แล้ว 3-4 วัน ซึ่งจะพบจำนวนเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดลดลง และอาจพบความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น การตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคไข้เลือดออกมีหลายวิธีคือ การตรวจหาเอ็นเอส-1 การตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ และการตรวจด้วยวิธีพีซีอาร์
ผู้ป่วยไข้เลือดออกไม่มียารักษาเฉพาะ มุ่งเน้นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถให้การดูแลรักษาที่บ้านโดยการเช็ดตัวและกินยาลดไข้ รับประทานอาหารอ่อน และดื่มน้ำให้เพียงพอ แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจทุก 1-2 วันเพื่อติดตามอาการ เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง และเพื่อการรักษาที่เหมาะสม
กรณีผู้ป่วยดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอ ปวดท้องหรืออาเจียนมาก อาเจียนเป็นเลือด มีภาวะเลือดข้น หรือมีภาวะช็อก ควรรับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือดและติดตามอาการโดยใกล้ชิด
การป้องกันโรคไข้เลือดออกทำได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและลูกน้ำยุงลาย ซึ่งมักทำได้ไม่ง่ายนัก ปัจจุบันมีการนำวัคซีนไข้เลือดออกมาใช้เป็นมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันโรคและลดความรุนแรงของโรค
วัคซีนไข้เลือดออก
วัคซีนไข้เลือดออกได้รับการพัฒนามาเป็นเวลานาน จนปัจจุบันมีวัคซีนจำหน่ายแล้วซึ่งสามารถนำมาใช้ในการป้องกันโรค วัคซีนยังมีราคาสูง ภาครัฐยังจัดเป็นวัคซีนเสริมที่ผู้ฉีดต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง
ประสิทธิภาพ : วัคซีนไข้เลือดออกมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ไข้เลือดออกได้ดีเกือบร้อยละ 70 นอกจากนั้นยังสามารถลดโอกาสในการรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลได้กว่าร้อยละ 80 และลดความรุนแรงของโรคได้กว่าร้อยละ 90
นั่นหมายความว่าวัคซีนไข้เลือดออกสามารถป้องกันโรคได้ดีหรืออย่างน้อยก็ช่วยผ่อนจากอาการหนักเป็นอาการเบาได้
ความปลอดภัย : วัคซีนไข้เลือดออกมีความปลอดภัยสูง อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนพบน้อยและส่วนใหญ่เป็นอาการเฉพาะที่หรือเป็นอาการไข้ต่ำๆ ซึ่งไม่แตกต่างจากอาการข้างเคียงจากวัคซีนอื่นๆ ที่มีใช้ในปัจจุบัน จากการศึกษาพบว่าวัคซีนไข้เลือดออกไม่ได้ส่งเสริมให้การติดเชื้อไวรัสเดงกีที่เกิดตามมามีความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามที่หลายคนมีความกังวลใจ
คำแนะนำ : วัคซีนไข้เลือดออกแนะนำให้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังจำนวน 3 ครั้ง ห่างกันเข็มละ 6 เดือน สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไปและ ผู้ใหญ่ที่มีอายุไม่เกิน 45 ปี เนื่องจากวัคซีนไข้เลือดออกเป็นวัคซีน ชนิดเชื้อเป็น จึงยังไม่แนะนำให้ฉีดในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและในหญิงตั้งครรภ์
ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออกในเด็กเล็กเพราะจะมีประโยชน์น้อยกว่าการฉีดในเด็กโต กล่าวโดยง่ายๆ ก็คือ วัคซีนไข้เลือดออกจะทำหน้าที่เป็นการติดเชื้อครั้งที่สองแต่ไม่ทำให้เกิดอาการ จึงควรให้เด็กเล็กมีโอกาสติดเชื้อครั้งแรกโดยธรรมชาติมาก่อนที่จะฉีดวัคซีน |
| | |
|
| |
|
pageview 1205095 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |