สปสช.เผยผลหารือสำนักงบฯ รายหัวบัตรทองปี 61 ได้รับเพิ่ม 500 ล้านบาท เฉลี่ย 10.5 บาทต่อรายหัว พร้อมเฝ้าจับตาสถานการณ์กองทุน หากงบไม่เพียงพอต้องชงเรื่องให้ "บิ๊กตู่" ตัดสินใจเพิ่มงบอุดหนุน
          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงบประมาณได้ปรับลดงบเหมาจ่ายรายหัวกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2561 จากที่บอร์ด สปสช.ได้นำเสนอ 141,916 ล้านบาท เหลือเพียง 128,533 ล้านบาท โดยถูกปรับลดไปกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ย 274 บาทต่อประชากรนั้น นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. ได้นำทีมผู้บริหาร สปสช. สธ. ร่วมประชุมหารือกับสำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.60 ที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนงบประมาณที่ถูกปรับลดเป็นจำนวนที่มากเกินไป ซึ่งอาจจะกระทบต่อการดูแลประชาชนผู้มีสิทธิ์กว่า 48 ล้านคนได้ ผลการเจรจา สำนักงบประมาณยอมเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนของสิทธิประโยชน์ใหม่ 3 รายการ จากที่ลดทอนไปก่อนหน้านี้ คือ 1.การคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง อายุ 50 ปีขึ้นไป 2.วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก และ 3.ค่า บริการสาธารณสุขกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (Emergency Claim Online: EMCO) ที่มีการจัดทำราคาค่าใช้จ่ายตามรายการ (Free schedule) โดยได้รับงบประมาณเพิ่มเติมประมาณ 500 ล้านบาท หรือได้รับเพิ่ม 10.5 บาทต่อประชากร
          รองเลขาฯ สปสช.กล่าวอีกว่า จากผลการหารือนี้ สปสช.มีความพอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังมีความกังวลเพราะถูกตัดงบไปกว่า 1.3 หมื่นล้าน โดยยังคงยืนยันการคำนวณต้นทุนการบริการภายใต้สิทธิประโยชน์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงบประมาณก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง โดยหลังจากนี้ สปสช.คงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และประสานกับสำนักงบฯ เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรี หากจำเป็นคงต้องเสนอของบประมาณเพื่ออุดหนุนระบบเพิ่มเติม ซึ่งทางสำนักงบฯ จะรับเรื่องไปเสนอต่อท่านนายกฯ
          "ผลจากการหารือต้องบอกว่าพอใจในระดับหนึ่ง โดยเราเข้าใจสถานการณ์และข้อจำกัดของงบประมาณประเทศ แต่ยังกังวลในเรื่องภาระงานและต้นทุนการบริการ ทั้งจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยขึ้น การปรับอัตราค่าครองชีพ และในปี 2561 นี้ กองทุนยังถูกหักเงินเดือนเพิ่มขึ้นเกือบ 2% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเงินประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่ง สปสช.คงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์งบประมาณกองทุนอย่างใกล้ชิด" รองเลขาธิการ สปสช.กล่าว.