|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 14/02/2560 ] |
|
|
|
|
สำนักงบฯเพิ่ม'500ล.'บัตรทองหลังบอร์ดสปสช.โอด!เงินไม่พอ |
|
|
|
|
สำนักงานหลักประกันสุขภาพฯ เผยผลหารือสำนักงบประมาณ หลัง'นพ.ปิยะสกล'นำทีมถกเงินกองทุนบัตรทองไม่พอ เพิ่มอีก 500 ล้านให้ 3 สิทธิประโยชน์ใหม่ 'คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่-วัคซีนเอชพีวี-เจ็บป่วยฉุกเฉิน'
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงบประมาณได้ปรับลดงบเหมาจ่ายรายหัว กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2561 จากที่ บอร์ด สปสช.ได้นำเสนอ 141,916 ล้านบาท เหลือเพียง 128,533 ล้านบาท โดยถูกปรับลดไปกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ย 274 บาทต่อประชากรนั้น นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้นำทีมผู้บริหาร สปสช.ร่วมประชุมหารือกับสำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนงบประมาณที่ถูกปรับลดเป็นจำนวนที่มากเกินไป ซึ่งอาจจะกระทบต่อการดูแลประชาชนผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคนได้
นพ.จเด็จกล่าวอีกว่า จากผลการเจรจา สำนักงบประมาณจะเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนของสิทธิประโยชน์ใหม่ 3 รายการจากที่ลดทอนไปก่อนหน้านี้ คือ 1.การคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงอายุ 50 ปีขึ้นไป 2.วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก (เอชพีวี) และ 3.ค่าบริการสาธารณสุขกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (Emergency Claim Online : EMCO) ที่มีการจัดทำราคาค่าใช้จ่ายตามรายการ (Free schedule) โดยได้รับงบประมาณเพิ่มเติมประมาณ 500 ล้านบาท หรือได้รับเพิ่ม 10.5 บาทต่อประชากร
"สปสช.พอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังมีความกังวลต่อผลกระทบจากงบประมาณที่ถูกตัดและหายไปกว่า 1.3 หมื่นล้าน โดยยังคงยืนยันการคำนวณต้นทุนการบริการภายใต้สิทธิประโยชน์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ได้นำเสนอต่อ บอร์ด สปสช.และสำนักงบประมาณก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง โดยหลังจากนี้ สปสช.คงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และประสานกับสำนักงบประมาณในการรายงานต่อนายกรัฐมนตรี หากจำเป็นคงต้องเสนอของบประมาณเพื่ออุดหนุนระบบเพิ่มเติม ซึ่งทางสำนักงบประมาณได้รับในเรื่องนี้เพื่อนำเรียนต่อท่านนายกรัฐมนตรี" นพ.จเด็จกล่าว
นพ.จเด็จกล่าวว่า สปสช.เข้าใจสถานการณ์และข้อจำกัดของงบประมาณประเทศ แต่ยังกังวลในเรื่องภาระงานและต้นทุนการบริการ ทั้งจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยขึ้น การปรับอัตราค่าครองชีพ และในปี 2561 นี้ กองทุนยังถูกหักเงินเดือนเพิ่มขึ้นเกือบ 2% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเงินประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่ง สปสช.คงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์งบประมาณกองทุนอย่างใกล้ชิด |
| | |
|
| |