HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 24/03/2559 ]
ผู้หญิงระวัง ‘กระเพาะปัสสาวะอักเสบ’ หมอเตือนอย่าให้เรื้อรังจนลามถึงไต

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบมากในช่วงอายุ 20-50 ปี สาเหตุที่พบโรคนี้ในผู้หญิงมากกว่าชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย เชื้อโรคบริเวณปากท่อปัสสาวะ จึงเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า ประกอบกับปากท่อปัสสาวะของผู้หญิงยังเปิดออกสู่ภายนอกในบริเวณใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก จึงมีโอกาสติดเชื้อทั้งจากช่องคลอดและจากทวารหนักได้ เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีหลายชนิด ประมาณร้อยละ 75-95 เกิดจากเชื้ออีโคไล มีทั้งจากการอักเสบเฉียบพลัน รักษาหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือจากการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการอักเสบเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง มีอาการรุนแรงน้อยกว่าการอักเสบเฉียบพลัน

นพ.สุพรรณกล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงหรือปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ คือ ผู้ที่กลั้นปัสสาวะนาน ส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้าง เชื้อโรคในปัสสาวะจึงเจริญเติบโตได้ดี ผู้สูงอายุ เพราะสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ขาดคนดูแล และไม่ค่อยเคลื่อนไหว มักนั่งๆ นอนๆ ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย เชื้อโรคในปัสสาวะเจริญได้ดี สำหรับอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อยๆ ปวด เบ่ง แสบ โดยเฉพาะตอนสุดปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า คือ ปัสสาวะสีชมพู หรือเป็นเลือด หรือตรวจพบเม็ดเลือดแดงได้จากการตรวจปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่นหรืออาจเป็นหนองขึ้นกับความรุนแรงของโรค มีกลิ่นผิดปกติ ปวดท้องน้อย มีไข้ แต่มักไม่มีไข้เมื่อเป็นการอักเสบเรื้อรัง บางครั้งอาจมีสารคัดหลั่งบริเวณอวัยวะเพศร่วมด้วย เมื่อเกิดจากติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจมีคลื่นไส้อาเจียนได้ เมื่อเป็นการติดเชื้อเฉียบพลัน อาจมีนิ่วปนออกมาในปัสสาวะ เมื่อเกิดร่วมกับนิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ผลข้างเคียงจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ การลุกลามเป็นการอักเสบของไต ซึ่งเมื่อเรื้อรังอาจส่งผลให้เกิดโรคไตเรื้อรังได้ หรือเมื่อการอักเสบติดเชื้อรุนแรง อาจลุกลามเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิต ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้

“แนวทางการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่ การให้ยาปฏิชีวนะ การรักษาสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง เช่น รักษาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และการรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และการดื่มน้ำมากๆ วันละอย่างน้อย 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม เช่น โรคหัวใจล้มเหลว” นพ.สุพรรณกล่าว และว่า ส่วนการป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ไม่กลั้นปัสสาวะนาน พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ รักษาควบคุมโรคต่างๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง รักษาความสะอาดในการขับถ่าย ไม่ควรใช้สเปรย์หรือยาดับกลิ่นตัวในบริเวณอวัยวะเพศ เพราะก่อการระคายเคือง ในผู้หญิงไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยการใช้น้ำยาฆ่าอสุจิ หรือการใช้ฝาครอบปากมดลูก เพราะเพิ่มโอกาสติดเชื้อต่อช่องคลอด ปากท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ เลี่ยงการอาบน้ำในอ่าง เพราะอาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐานอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพแข็งแรง ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ รวมทั้งพบแพทย์ตามนัดเสมอ และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์


pageview  1205111    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved