งานวิจัยทางการแพทย์ของทีมศึกษาวิจัยซึ่งนำโดย ศาสตราจารย์ ริฟก้า อินเซลเบิร์ก นักวิชาการด้านประสาทวิทยาเชิงพฤติกรรม จากคณะแพทยศาสตร์แซคเลอร์และศูนย์ประสาทวิทยาซาโกล ของศูนย์การแพทย์ชีบา ในสังกัด มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (ทีเอยู) แสดงหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน จะมีระดับความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าคนปกติทั่วไป ด้วยการค้นพบสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นขึ้นมา
ทีมวิจัยของศาสตราจารย์อินเซลเบิร์ก ได้นำเอาระบบทดสอบชุดหนึ่งมาใช้ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันจำนวน 27 คน ซึ่งได้รับยาโดพามีน สำหรับระงับอาการสั่น และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนปกติ ซึ่งมีอายุ เพศ และระดับการศึกษาตรงกันกับกลุ่มตัวอย่างควบคุม การทดสอบเหล่านั้นมีทั้งที่เป็น การทดสอบ เวอร์บอล ฟลูเอนซี, การทดสอบ รีโมต แอสโซซิเอชั่น, การทดสอบ โนเวล เมทาฟอร์, และบททดสอบ ครีเอทีฟวิตี้ เทสต์ของทีเอยู นอกเหนือจากนั้นยังมีการทดสอบพิเศษอีกบางอย่างที่ทำขึ้นเพื่อการวิจัยครั้งนี้โดยเฉพาะ
ทีมวิจัยพบความเชื่อมโยงระหว่างปริมาณของยาโดพามีน กับระดับความสามารถในการสร้างสรรค์ของผู้ป่วยพาร์กินสันหนึ่งๆ โดยผลการวิจัยสรุปได้ว่า โดพามีน ที่เป็นยากระตุ้นชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ไปลดอาการสั่น แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ขาดการประสานงานในระบบประสาท ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายต้องคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ออกมานั่นเอง
อินเซลเบิร์ก ชี้ว่าการค้นพบดังกล่าวนี้เป็นการยืนยันการสังเกตการณ์ของแพทย์ทั่วไปก่อนหน้านี้ที่ว่า ผู้ป่วยพาร์กินสัน มีแนวโน้มจะสร้างสรรค์งานศิลปะได้ดี
แวนโก๊ะ จิตรกรชื่อดัง ก็เคยป่วยเป็นโรคทางจิต และได้รับยาโดพามีนในระดับสูงมากอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งอินเซลเบิร์กระบุว่าเป็นช่วงเวลาที่แวนโก๊ะ สร้างงานระดับมาสเตอร์พีซออกมามากมายนั่นเอง