HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 12/04/2555 ]
บุกโรงงานมิลาโน'ลาดพร้าว'อย.สั่งอายัด-ห้ามผลิต'ซูโด'

ดีเอสไอสรุปเบื้องต้นมีหลักฐานดำเนินคดี 3 รพ.ทันที คณะทำงาน สธ.บุกตรวจโรงงานมิลาโนผู้ผลิตซูโดฯสูตรเดี่ยวย่านลาดพร้าว หลังพบป้อนยาให้ รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ และสัมพันธ์คลินิก

เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายพสิษฐ์ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยคณะทำงานฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานมิลาโน ในซอยลาดพร้าว 94 โรงงานที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย. ให้ผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวได้ โดยนายพสิษฐ์ได้เข้าพบนายนราธิปไทรสมบูรณ์ ผู้จัดการโรงงานมิลาโน และใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายพสิษฐ์จะให้สัมภาษณ์ว่า ที่มาตรวจสอบโรงงานนี้เนื่องจากพบว่ากรณีพบยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวหายไปจากโรงพยาบาล (รพ.) สยามราษฎร์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิกอ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นั้น สั่งซื้อยามาจากโรงงานแห่งนี้ จึงเข้ามาตรวจสอบว่ามีการสั่งซื้อจริงหรือไม่ ผลจากการตรวจสอบทางโรงงานมิลาโนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พบว่ามีเอกสารการสั่งซื้อยามาจาก รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่จริง มีเอกสารยืนยันชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบว่ามีลายเซ็นรับจากทาง รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ ทางคณะทำงานฯอยู่ระหว่างตรวจสอบไปยัง รพ.ด้วยว่าลายเซ็นดังกล่าวจริงหรือไม่หรือว่ามีการปลอมแปลง

นายพสิษฐ์กล่าวว่า ส่วนกรณีของสัมพันธ์คลินิกพบว่าสั่งซื้อจากโรงงานมิลาโนจริง จำนวนประมาณ 40,000 เม็ด และยังสั่งซื้อจากบริษัทอื่นด้วย การมาตรวจสอบข้อมูลครั้งนี้ยังพบข้อมูลที่ชัดเจนด้วยว่าตัวแทนขายยาที่ขายยาให้กับรพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ และสัมพันธ์คลินิกเป็นคนเดียวกัน อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องตรวจสอบเชิงลึก จะต้องตรวจสอบด้วยว่าตัวแทนขายยาคนนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวแทนขายยาบริษัทอื่นที่ขายยาให้กับสัมพันธ์คลินิกด้วยหรือไม่ขายยาคนนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวแทนขายยาบริษัทอื่นที่ขายยาให้กับสัมพันธ์คลินิกด้วยหรือไม่และทางคณะทำงานฯจะส่งข้อมูลการตรวจสอบครั้งนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อไป

นายพสิษฐ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางคณะทำงานฯได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายวิทยา บุรณศิริรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วด้วยว่าเมื่อสถานการณ์ในการควบคุมยาซูโดอีเฟดรีนเริ่มดีขึ้น จะสามารถทบทวนมาตรการในการห้ามขายยาซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมพาราเซตามอลในร้านขายยาได้หรือไม่ เพราะทางคณะทำงานฯได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนถึงความจำเป็นในการใช้ยาดังกล่าว ทั้งนี้ คณะทำงานฯยังเสนอด้วยว่าหากอนุญาตให้ขายยานี้อีกครั้งจะต้องมีการจดบันทึกรายละเอียดว่าขายให้ใคร จำนวนเท่าใดพร้อมทั้งกำหนดจำนวนในการขายด้วย

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากนายพสิษฐ์ แต่อย่างใด โดยข้อเท็จจริงแล้ว ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน เมื่อยกระดับเป็นกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

ประเภท 2 จะต้องควบคุมเข้มงวดขึ้น จะอนุญาตให้จำหน่ายได้เฉพาะ รพ.รัฐ และ รพ.เอกชนที่มีใบอนุญาต ส่วนจะให้ขายได้ในร้านขายยาเฉพาะยาซูโดอีเฟดรีนสูตรพาราเซตามอลหรือไม่นั้นเรื่องนี้ต้องขอดูหนังสือจากนายพสิษฐ์ก่อน และจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยว่า สำหรับบริษัท มิลาโน ที่นายพสิษฐ์พร้อมคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ได้อายัดและสั่งห้ามบริษัทดังกล่าวผลิตและส่งยาสูตรเดี่ยวและสูตรผสม จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จว่า ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พบใน รพ.สยามราษฎร์เชียงใหม่ และที่สัมพันธ์คลินิก จึงจะอนุญาต แต่ขณะนี้ห้ามดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ณ ปัจจุบัน จะเหลือเพียง3 บริษัท จาก 4 บริษัทที่ทาง อย.อนุญาตให้ผลิตยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยว ได้แก่ บริษัทเอเชี่ยน ฟาร์มาซูติคัล จำกัด บริษัท เบญจโอสถจำกัด และบริษัท เมดดิซีน ซัพพลาย จำกัดจำกัด และบริษัท เมดดิซีน ซัพพลาย จำกัด

"จริงๆ แล้วขั้นตอนการผลิตของบริษัทที่ได้รับอนุญาตจาก อย. จะมีขั้นตอนยุ่งยากมากเนื่องจากตัวนี้เป็นตัวเดี่ยว และจัดเป็นกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ก่อนจะผลิตก็ต้องแจ้งมายัง อย.ก่อนล่วงหน้า 7 วันและเมื่อจะผลิต และผลิตได้เท่าใดก็ต้องรายงานมายัง อย. และจัดส่งให้ทาง รพ.ตามจำนวนที่รายงานกับ อย.หรือไม่ ตรงนี้ อย.จะทราบหมดแต่จะไม่มีตัวแทนหรือบริษัทอื่นใดทำหน้าที่ส่งให้กับ รพ. จะอนุญาตเพียงบริษัทที่ผลิตเป็นผู้จัดส่งให้ รพ.เท่านั้น การผลิตและจัดส่งโดยรวมต้องทำรายงานให้ อย.ทราบทุกเดือน และยังต้องทำรายงานประจำปีด้วย" แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว

ด้าน นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธุ์ ประธานราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทยกล่าวถึงข้อแตกต่างระหว่างยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน และยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีน ว่า การใช้ยาเพื่อลดอาการคัดจมูก แน่นจมูก ปัจจุบันถือว่ายาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน มีประสิทธิภาพมากที่สุดประชาชนเข้าถึงง่ายเพราะมีราคาถูก เพียงแต่มีปัญหาการนำไปใช้ในทางที่ผิด ต้องควบคุมคนกลุ่มที่ใช้ผิดวิธี แต่ยังไม่ควรยกเลิกทั้งหมดสำหรับยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีน ปัจจุบันพบว่าความนิยมน้อยเนื่องจากประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ายาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน อาจเกิดได้จากการดูดซึมของยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีน ไม่ดีนักร่างกายสามารถดูดซึมยาได้เพียงร้อยละ 30-40 และการกระตุ้นของประสาทในยา มีกลไกต่างกันคือ ยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีนไปกระตุ้นที่ตัวรับหลอดเลือด 1 จุด ขณะที่ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนกระตุ้นที่ตัวรับหลอดเลือด 2 จุด ทำให้ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ออกฤทธิ์ได้ดีกว่า

นพ.ภาคภูมิกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนสามารถใช้ยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีนทดแทนได้จะได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีการตอบสนองยาเร็ว หากใช้ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ส่วนผู้ป่วยที่ใช้ยาสูตรผสมเฟนิลเอฟรีน แล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้บ่อยขึ้นและใช้ยากลุ่มอื่นร่วม เช่น ยาต้านฮิตตามีน เป็นสารในโพรงจมูก เมื่อหลั่งออกมาจะทำให้เกิดอาการคัน จาม น้ำมูก น้ำตาไหล หรืออาการภูมิแพ้ เมื่อใช้ยาดังกล่าวก็จะทำให้อาการลดลงแต่มีข้อเสียคือ ยาต้านฮิตตามีน จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการง่วง และถือเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการรักษาขึ้น หรือใช้ยาหยอดจมูก ได้ผลเร็วและไม่มีอันตราย ใช้ระยะสั้น 5-7 วัน แต่ไม่สามารถใช้ได้ในผู้ป่วยเรื้อรัง อย่างโรคภูมิแพ้ เพราะจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน หากเป็นผู้ป่วยภูมิแพ้ ต้องใช้ยาผสมสเตียรอยด์ในการพ่นจมูกแทน หรือใช้การผ่าตัดเล็กเพื่อทำให้เส้นเลือดฝ่อลง ในอนาคตเชื่อว่าจะสเตียรอยด์ในการพ่นจมูกแทน หรือใช้การผ่าตัดเล็กเพื่อทำให้เส้นเลือดฝ่อลง ในอนาคตเชื่อว่าจะมียาตัวอื่นทดแทน หรือการพัฒนาประสิทธิภาพยาที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเพื่อผู้ป่วยได้

วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 8 หน่วยงาน เพื่อหารือถึงความคืบหน้าในการสนธิกำลังสอบสวนคดีการลักลอบนำยาแก้หวัด มีสารซูโดอีเฟดรีน เป็นส่วนประกอบ ออกจากโรงพยาบาลโดยมิชอบ ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการรายงานความคืบหน้าทางคดีต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ยังพบว่าบางส่วนต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแต่มี 3 แห่งคือโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีหลักฐานสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ทันที เบื้องต้นจะเรียกผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดที่ถูก สธ. ตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้วมาสอบข้อมูลเพิ่มเติม หากพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยา และ พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะดูพฤติกรรมและเจตนาว่าส่อเจตนากระทำผิดหรือไม่ เพราะการครอบครองยาแก้หวัด มีความผิดแค่ พ.ร.บ.ยา แต่หากพบซองหรือบรรจุภัณฑ์เม็ดยาจำนวน 80-100 เม็ดขึ้นไปและมีหลักฐานเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับบุคคลใดต้องแสดงว่าส่อเจตนาอย่างนี้ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

นายสรรเสริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังพบข้อมูลความผิดปกติของอีกหลาย รพ. มีทั้ง รพ.รัฐเอกชน และคลินิก จะดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาวผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยอดการสูญหายของยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ทั้งสูตรเดียวและสูตรผสมที่สูญหายจากระบบ ล่าสุด พบว่ามีประมาณ 11,578,514 เม็ด เป็นยาน้ำบรรจุขวด6,500 ขวด โดยทั้งหมดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอประเมินจากการตรวจค้นสถานพยาบาลในภาคเหนือและภาคอีสานจำนวน 12 แห่ง

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนเข้าพบกับ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าว ขณะนี้พบความเชื่อมโยงระหว่าง รพ.ต่างๆ แล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้กลุ่มประชาชนปฏิวัติองค์กรอิสระทุจริตเงินแผ่นดินนำโดยนายนพพล อภินันท์ เข้าพบนายธาริต เพื่อเร่งรัดให้ตรวจสอบคดีดังกล่าวเนื่องจากเป็นความเสียหายต่อประชาชนโดยตรง รวมถึงมีความกังวลกรณีที่มีผู้บริหารของกระทรวงสาูธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้องในการได้รับผลประโยชน์จากขบวนการดังกล่าวด้วย

--จบ--


pageview  1204998    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved