นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในแต่ละปีมีผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกราว 5,216 ราย มากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 พบในกลุ่มอายุ 15-59 ปี และพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มปีละ 10,000 ราย ส่วนสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV: Human Papilloma vaccine) ซึ่งจะใช้เวลาก่อโรคมะเร็งอย่างค่อยเป็นค่อยไปประมาณ 10-15 ปี แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันพบว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของหญิงไทยอายุน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อสูงขึ้น ดังนั้น ในเร็วๆ นี้ สธ.จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กำหนดเป็นนโยบายแห่งชาติ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีในเด็กหญิงไทยอายุ 12 ปี ที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ และทั่วประเทศพบปีละ 400,000 คน ฉีดวัคซีนคนละ 3 เข็ม ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ตลอดชีวิต
นพ.สุรวิทย์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1,500 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะหากป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก 1 ราย จะต้องใช้เวลารักษาติดต่อกัน 4-5 ปี ค่ารักษาประมาณ 1 ล้านบาทต่อราย หากมีผู้ป่วย 10,000 ราย จะต้องใช้งบรักษามากถึง 10,000 ล้านบาท และบางรายอาจไม่ได้ผล เพราะรักษาเมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามแล้ว แต่หากลงทุนโดยฉีดวัคซีนป้องกันจะถูกกว่ากันถึง 17 เท่าตัว ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปานามา รวมถึงประเทศมาเลเซีย ได้บรรจุเรื่องนี้เป็นนโยบายวัคซีนแห่งชาติ และฉีดให้เด็กหญิงอายุ 12-13 ปีทุกคน พบว่าได้ผลดีจำนวนผู้ป่วยลดลงชัดเจน
--จบ--