HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 09/04/2555 ]
สธ.ฟันอีกร้านยา-คลินิก ดีเอสไอเร่งสอบซูโด1ตัน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวเมื่อวันที่ 7 เมษายน ถึงกรณีพบข้อมูลการส่งออกยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนไปยังประเทศเพื่อนบ้านประมาณ1 ตัน ว่าดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นการส่งออกถูกต้องตามขั้นตอนการส่งออกยาหรือไม่ และกำลังรอรายละเอียดจากองค์การอาหารและยา(อย.) ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทใดบ้างในประเทศไทยที่ส่งออกยาประเภทซูโดอีเฟดรีน ปริมาณเท่าไหร่ ส่งให้บริษัทใดในต่างประเทศ จากนั้นจะลงพื้นที่เพื่อขอข้อมูลจากบริษัทดังกล่าว

"นอกจากนี้ดีเอสไอจะสอบสวนขยายผล ในประเด็นความต้องการใช้ยาของประเทศปลายทาง ว่าปริมาณการใช้ยาสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงของขบวนการลักลอบนำซูโดอีเฟดรีนไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดต้องเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ" นายธาริตกล่าว

นายธาริตกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหากการส่งออกยาย้อนหลังพบว่าขั้นตอนการส่งออกไม่ถูกต้อง จะแจ้งข้อหาเพิ่มตามความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร อีกฐานความผิดหนึ่ง เบื้องต้นเชื่อว่าเจ้าหน้าที่อย.ที่อณุญาตให้มีการส่งออกตามคำขอบริษัทยาไม่น่าจะเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นการส่งออกยาซูโดอีเฟดรีน เพราะปกติเมื่อมีการทำหนังสือมาขออนุญาตถูกต้อง ทางอย.ก็อนุมัติตามขั้นตอน ส่วนบริษัทที่ขออนุญาตจะนำยาไปใช้ทำอะไรในประเทศปลายทาง เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครทราบ แต่สิ่งที่ดีเอสไอตั้งข้อสังเกต เป็นเรื่องปริมาณการใช้ยามากเกินความจำเป็นของบางประเทศ ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ประเทศปลายทางที่นำเข้ายาซูโดอีเฟดรีนจากประเทศไทย มากที่สุดคือประเทศลาวปริมาณเกือบ 1 ตัน

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการอย.กล่าวถึงกรณีดีเอสไอระบุว่า อย.ได้อนุมัติให้บริษัทผู้ผลิตยาส่งออกยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนกว่า 1 ตัน ไปยังประเทศเพื่อนบ้านว่า เป็นเรื่องปกติที่ทำมานานแล้ว เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศยังมีความจำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวอยู่ แต่ขั้นตอนในการอนุมัตินั้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าบริษัทปลายทางมีอยู่จริงหรือไม่ หากไม่มีอยู่จริงจะไม่มีการอนุมัติเด็ดขาด และทางอย.ยังประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในการตรวจสอบทุกครั้งด้วยอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการประกาศยกระดับยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2 แล้ว อย.ยังไม่ได้อนุมัติให้บริษัทใดส่งออกยาดังกล่าวเลย

ขณะที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกรณีพบพิรุธ "สัมพันธ์คลินิก" อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ สั่งยาที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยว 100,000 เม็ด ว่าคณะทำงานได้ตรวจสอบแล้วพร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบพบว่ามีสิ่งผิดปกติมากๆ จึงให้คณะทำงานชุดใหญ่พร้อมดีเอสไอ ลงพื้นที่เพราะยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวนั้นใช้ผลิตยาบ้าได้โดยตรง ต้องถามว่าที่ผ่านมาทำไมปล่อยให้คลินิกแห่งนี้ครอบครองยาซูโดอีเฟดรีนเป็นแสนเม็ด โดยไม่มีการรายงานทั้งที่เป็นแพทย์ใหญ่ ทำไมไม่ทำรายงานส่งสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ว่าครอบครองซูโดอีเฟดรีน ไม่จัดทำเวชระเบียนว่ายา95,000 เม็ดไปไหน ใครเอาไป เอาไปเมื่อไร เป็นเรื่องที่แพทย์เจ้าของคลินิกต้องตอบให้ได้ ขอให้แยกให้ชัดเรื่องนี้ไม่ใช่ข้อบกพร่อง

"เส้นทางคดีนี้ตัวละครเหมือนคดีทุจริตยาเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ยังตามหลอกหลอนกระทรวงสาธารณสุข การทุจริตยาหวังว่าคงไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้ต้องรอให้ดีเอสไอสอบสวนขยายผลออกมาว่าเพราะหลักฐานอ่อนหรือทำลายพยาน ถ้าไม่ได้กระทำผิดผู้เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ตอนนี้เชื่อว่าสถานพยาบาลที่มีคดีเชิงลึกยังเปิดมาไม่หมด" นายพสิษฐ์กล่าว และว่า โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ยาซูโดฯหายไปเกือบ1 ล้านเม็ด ต้องมีคำตอบเรื่องคนรวบรวมยาที่ส่งกันไปเรื่อยๆ ด้วย

ด้าน นายธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ โฆษกคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลภายหลังเข้าตรวจสอบความผิดปกติของยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวที่โรงพยาบาล (รพ.) สยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่และสัมพันธ์คลินิก นั้น ในส่วนของรพ.สยามราษฎร์ พบว่าหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อปลอมลายเซ็น ผอ.รพ.สั่งซื้อยาเองมากกว่า 200,000 เม็ด ส่วนที่สัมพันธ์คลินิกพบยาซูโดสูตรเดี่ยวหายไปกว่า 90,000 เม็ด โดยคลินิกไม่สามารถตอบได้ว่ายาหายไปไหน

"จากการตรวจสอบเส้นทางการสั่งซื้อยาของทั้งสองแห่งพบข้อมูลที่น่าสนใจ คือดำเนินการในลักษณะเดียวกันโดยจะมีตัวแทนขายยามาขายยาให้ โดยเลือกสถานพยาบาลมีใบอนุญาตในการครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เพื่อให้นำยาดังกล่าวออกมาจากโรงงานผลิตยาได้ และเมื่อยาไปถึงสถานพยาบาลทั้งสองแห่งแล้วตัวแทนขายยาจะนำยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวส่งต่ออีกทอด แต่จะเป็นที่ไหนขณะนี้ยังไม่ทราบ" นายธนกฤตกล่าว

นายธนกฤตกล่าวอีกว่า ตัวแทนขายยาดังกล่าวมีพฤติกรรมในลักษณะขายเองซื้อเอง โดยมีสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตครอบครองวัตถุออกฤทธิ์เป็นตัวเชื่อมทำให้สามารถนำยาออกมาจากโรงงาน  ได้ ทั้งนี้คณะทำงานยังตรวจพบพฤติการณ์ลักษณะเดียวกันในพื้นที่ภาคกลาง ที่ร้านขายยา 1 แห่ง และคลินิกอีก 1 แห่ง ในจ.ลพบุรี ด้วย คาดว่าน่าจะเป็นขบวนการ
 

--จบ--


pageview  1204953    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved