เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรอย่างเป็นทางการที่ จ.ภูเก็ต ว่าจากการลงพื้นที่ติดตามโครงการต่างๆ ของ สธ.ก่อนการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการเตรียมนำโครงการต่างๆ ของ สธ.เข้าที่ประชุม ดังนี้ 1.โรงพยาบาล (รพ.) กระบี่ มี 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินและอุบัติภัยธรรมชาติเพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว งบประมาณ 99 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วน และโครงการก่อสร้างอาคารวินิจฉัยและรักษาพยาบาลเพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว งบประมาณ 388 ล้านบาท 2.จ.ภูเก็ต มีโครงการพัฒนาโรงพยาบาล 3 แห่ง รวมงบ 766 ล้านบาท ประกอบด้วย ขยาย รพ.ถลาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียง เป็น 120 เตียง เนื่องจากพื้นที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะตัวเมืองภูเก็ตค่อนข้างอิ่มตัว ความเจริญจะขยายออกไปอยู่ที่ อ.ถลาง
          "โครงการนี้ได้รับงบก่อสร้างจากโครงการไทยเข้มแข็ง จะแล้วเสร็จในปีนี้ แต่ยังขาดวัสดุครุภัณฑ์ จำเป็นต้องได้รับงบประมาณสนับสนุน 106 ล้านบาท และยังขาดอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นบ้านไม้เก่าๆ ขอสนับสนุนงบสร้างแฟลตที่พักเจ้าหน้าที่ 60 ล้านบาท ส่วน รพ.วชิระภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายใหญ่ของพื้นที่ 4 จังหวัด ขณะนี้มีการขยายตัวเพิ่มศักยภาพไปค่อนข้างไกล มีบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ยังขาดอาคารสนับสนุนบริการ เพราะขณะนี้มีปัญหาในเรื่องที่จอดรถ สถานที่ขยายตัวลำบาก อีกทั้งยังเป็นศูนย์รับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือรุนแรงจากโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดด้วย ได้ขอสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างอาคารสนับสนุนบริการ 10 ชั้น จำนวน 300 ล้านบาท ขณะที่ รพ.ป่าตอง ซึ่งแผนการพัฒนาจะเพิ่มการให้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากรายได้หลักของโรงพยาบาลมาจากนักท่องเที่ยว โดยได้ขอสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างอาคารสำหรับผู้ป่วยนานาชาติ (International Rehabilitation) ขนาด 4 ชั้น จำนวน 300 ล้านบาท" นพ.สุรวิทย์กล่าว และว่า ทั้ง จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ เป็นจังหวัดที่มีการท่องเที่ยว เฉพาะที่ จ.ภูเก็ต มีรายได้จากนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ ส่วน จ.กระบี่ เป็นอันดับ 2 และยังเป็นอันดับ 5 ของประเทศ เพราะฉะนั้น ในการเสริมศักยภาพด้านการรักษาพยาบาล นอกจากจะช่วยดูแลคนไทย ยังสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะมีผลตอบแทนทั้งการบริการสุขภาพทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ หรือด้านการท่องเที่ยวไปด้วย จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจำเป็น