เมื่อวันที่ 31 มกราคม นพ.โสภณเมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนงานและตัวชี้วัดประเมินผลการพัฒนาสุขภาพอนามัยแม่และเด็กของอาเซียนปี 2553-2558 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม- 2 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกต กรุงเทพมหานคร ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการจัดประชุมนานาชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการด้านอนามัยแม่และเด็กจาก 10 ประเทศอาเซียน ได้แก่ ไทย มาเลเซียฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาวกัมพูชา เวียดนาม และพม่า รวมทั้งจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สำนักเลขาธิการสาธารณสุขอาเซียน องค์กรยูนิเซฟ(UNICEF) องค์กรพัฒนาประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) โครงการความปลอดภัยชีวิตเด็ก (Save the Children) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น หรือไจก้า รวม50 คน

          นพ.โสภณกล่าวว่า การประชุมจะเร่งจัดทำแผนการพัฒนาสุขภาพประชากรลดปัญหาการเสียชีวิตของแม่และเด็กในกลุ่ม10 ประเทศอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ 590 ล้านคน ตามกรอบแผนความร่วมมือการดำเนินงานการพัฒนาด้านสาธารณสุขของอาเซียนปี 2553-2558 ซึ่งประกอบด้วย งานด้านสาธารณสุข 2 ด้าน คือ การส่งเสริมงานอนามัยแม่และเด็ก และการควบคุมโรคไม่ติดต่อ โดยตั้งเป็นคณะกรรมสาธารณสุขอาเซียน ซึ่งการพัฒนางานอนามัยแม่และเด็กนี้ ถือเป็นพันธะของทุกประเทศ ที่จะดำเนินการตามปฏิญญาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติ(Millennium Development Goals: MDG)ที่ประกาศเมื่อปี 2533 และกำหนดให้ภายในปี 2558 หรืออีก 3 ปี จะลดอัตราการตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ลง 2 ใน 3 และลดอัตราการเสียชีวิตของแม่ลง 3 ใน4 ของปี 2533 เช่นกัน

          "สำหรับผลการพัฒนาอนามัยแม่และเด็กของไทยตามปฏิญญาแห่งสหัสวรรษมีความก้าวหน้า โดยในปี 2533 ไทยมีอัตราส่วนการตายของแม่ 36.0 คนต่อการเกิดและอยู่รอด 100,000 คน ซึ่งเป้าหมายในอนาคต ปี 2558 กำหนดให้เหลืออัตราไม่เกิน 9 คน ส่วนผลการดำเนินการในปี2553 ไทยมีอัตราตายของแม่ 10.2 คนต่อการเกิดและอยู่รอด 100,000 คน ส่วนอัตราตายของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในปี2533 ไทยมี 12.8 คนต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน กำหนดให้เหลือไม่เกิน 4.3 คนต่อการเกิดมีชีพทุก 1,000 คน ในปี 2558 และผลการดำเนินการในปี 2553 ไทยลดได้เหลือ 7 คนต่อการเกิดและอยู่รอดของเด็ก 1,000 คน" นพ.โสภณกล่าว