ข้อมูลของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2557 ระบุว่า 10% ของคนเมือง มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็น "โรคออฟฟิศซินโดรม" เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ นพ.ภัทร จุลศิริ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อทั่วไป รพ.เวชธานี ให้ข้อมูลว่า ออฟฟิศซินโดรม คือ กลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลานานๆ เช่น งานเอกสาร, งานคอมพิวเตอร์, เลขา, พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม, แม่บ้าน ฯลฯ ซึ่งพบบ่อยในคนวัยทำงาน (20-60 ปี) ที่มักจะเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำๆ มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน

          อาการออฟฟิศซินโดรมเกิดจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.การทำย้ำๆ ซ้ำๆ (Repetitive) 2.การผิดท่า (wrong position) 3.ใช้แรงมาก (Forceful) และ 4.หากทำต่อเนื่อง (Long time) จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมไม่ทัน นอกจากนี้ มีปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น การบ้างาน (Workaholic), ความเร่งรีบ, ความเครียด, อดอาหาร, อดนอน เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้กระทบต่อร่างกาย โดยหากนั่งทำงานนานๆ จะปวดหลัง, คอ, บ่า, ไหล่ ยืนนานๆ ตะคริวจะขึ้นบ่อยหรือเกิดอาการนิ้วล็อก เหยียดไม่สุด เอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นร้อยหวายอักเสบ เอ็นเกาะกระดูกข้อศอกอักเสบ หรือปวดเสียวร่วมกับชา เนื่องจากพังผืดรัดเส้นประสาทหรือเส้นเลือดขอด, โป่ง, ตีบ, ชา, ปวด เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่ทัน

          สำหรับการรักษามี 3 วิธี ที่ต้องใช้ร่วมกัน คือ ใช้ยา, กายภาพบำบัด และการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ทั้งนี้ หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อและรีบไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจละเอียดและวินิจฉัยเพื่อให้การรักษาด้วยยาแก้อักเสบ, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยานวด ร่วมกับแนะนำให้หยุดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด

          ในบางครั้งอาจต้องอาศัยการกายภาพร่วมด้วย เช่น คอตั้งตรงไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง อาจก้มได้ 10 องศา, ไหล่ต้องได้ระดับผ่อนคลาย ไม่ยกหรือตกจนเกินไป, ข้อศอกงอ 90 องศา และมีที่รองรับเพื่อผ่อนน้ำหนักแขน, หลังพิงติดเบาะตลอดเวลา หรืออาจมีเบาะรองร่องหลัง, เท้าติดพื้นหรือหาที่วางขา และเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1 ชั่วโมง