เมื่อวันที่8 มี.ค. ที่รัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้แก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ล่าสุดมีภาพถ่ายทางดาวเทียมเห็นพื้นที่ถูกเผาแล้ว โดยจุดที่เกิดปัญหาหนักสุดคือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และจ.แม่ฮ่องสอน จึงแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบข้อมูลแล้ว รวมทั้งทราบข้อมูลด้วยว่าบริเวณที่ถูกเผาใครครอบครองอยู่ นอกจากนี้ มอบหมายให้ผวจ.เชียงรายประสานไปยังทางการประเทศพม่า เนื่องจากหมอกควันบางส่วนเกิดจากการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้านโดยนัดประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ประเทศ ในวันที่ 10 มี.ค.
          ส่วนสถานการณ์หมอกควันที่ยังฟุ้งกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ที่จ.เชียงราย สภาพอากาศยังมีฝุ่นละอองแพร่กระจายอยู่ จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในอ.แม่สาย พบค่าฝุ่นละอองที่ 307.3 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ซึ่งยังครองแชมป์อากาศเป็นพิษมากที่สุดในประเทศไทยขณะที่ในอ.เมือง วัดได้ 216.1 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. นอกจากนี้ ยังมีการลักลอบเผาป่าบริเวณอ.แม่สรวย ติดกับต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว ซึ่งไฟป่าได้สร้างหมอกควันในพื้นที่ให้หนาแน่นยิ่งขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยในจังหวัดพุ่งสูงขึ้นประมาณ 2 หมื่นคนแล้ว
          ที่จ.แม่ฮ่องสอน สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต โดยทั่วทุกพื้นที่มีหมอกควันจากไฟป่าปกคลุมหนาทึบ โดยนายพีรัตน์ เรืองสุกใส ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัด รายงานสภาพอากาศว่า ทัศนวิสัยในการมองเห็นทางอากาศวัดได้ 1 ก.ม. ซึ่งสภาพทัศนวิสัยเช่นนี้เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-13.00 น. โดยมีสาเหตุมาจากควันไฟป่าที่ถูกเผาลอยมาปกคลุม นอกจากนี้ การท่องเที่ยวก็เริ่มซบเซาอย่างหนัก เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากเครื่องบินยังไม่สามารถบินมาลงที่จังหวัดได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
          ที่จ.พะเยา นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองในอากาศวัดได้ 227.4 ไมโครกรัมต่อลบ.ม. ซึ่งสูงกว่าทุกวันที่ผ่านมา เรื่องนี้จังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจโดยนายไมตรี อินทุสุต ผวจ.พะเยา ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับให้ดูแลเรื่องการเผาป่าเพราะปัญหาหมอกควันยังไม่ลดลง ดังนั้น จึงให้แนวทางการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ลักลอบเผา หรือแม้แต่เจ้าของโรงสีที่เผาแกลบและซังข้าวโพด โดยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย