เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายวิทยา บุรณศิริรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวถึงกรณีนายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกรระดับ 7 ประจำโรงพยาบาล (รพ.) ทองแสนขันจ.อุตรดิตถ์ ช่วยราชการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุตรดิตถ์ ถูกกล่าวหาว่าลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดยสั่งซื้อจากบริษัทยาในนามโรงพยาบาลทองแสนขันเมื่อถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง ให้การซัดทอดผู้บริหารโรงพยาบาลเป็นผู้อนุมัติสั่งซื้อ ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบและเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ในส่วนของ สธ.มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบและรายงานไปยังปลัด สธ. และเสนอต่อผู้บริหารตามลำดับ
          "การจะพูดอะไรก็ขอให้มีหลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนกรณีของโรงพยาบาลทองแสนขัน หากพบว่าใครผิดจริง ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนมีโทษทางวินัยสูงสุดถึงขั้นไล่ออก และมีโทษทางคดีอาญาด้วย ซึ่งเป็นอำนาจอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการสอบสวน" นายวิทยากล่าว
          วันเดียวกัน พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์พร้อมกำลัง นำหมายศาลจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 171/11 หมู่ 3 ต.ป่าเซ่าอ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ และร้านขายยาธีรพงษ์ เภสัชเลขที่ 9/14 หมู่ 3 ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
          ซึ่งเป็นบ้านพักและร้านของนายธีรพงษ์ โดยตำรวจได้ยึดเอกสารการสั่งซื้อยาและเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องไปประกอบสำนวนคดี
          ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ซึ่งเดินทางไปมอบนโยบายด้านการปราบปรามยาเสพติดที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้สอบถามข้อมูลจากนายธีรพงษ์ถึงการสั่งซื้อยาซูโดพร้อมกำชับให้นำสมุดบัญชีธนาคารทุกเล่มของนายธีรพงษ์ไปตรวจสอบด้วย
          ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีพบการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มี
          ส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าและยาไอซ์ออกจากโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เรียกตนและ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) หารือเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกันการลักลอบนำยาแก้หวัดที่
          ส่วนประกอบของซูโดอีเฟดรีน โดยมอบหมายในส่วนของดีเอสไอทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และให้ดีเอสไอพิจารณาขยายผลว่าหากพบว่าการกระทำผิดลักษณะดังกล่าวเป็นเครือข่าย พัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดจะเสนอเป็นคดีพิเศษ