เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมโครงการการรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมเพื่อเด็กไทยไม่กินหวาน ว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากในเด็กมีต้นเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม คือการบริโภคน้ำตาลมากเกิน นิยมกินอาหารหรือขนมที่หาซื้อได้ง่าย เช่น น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ ในขณะที่การดูแลอนามัยช่องปากไม่สม่ำเสมอ ทำให้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเด็กไทยมีฟันผุ และจากผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากของคนไทยโดยกรมอนามัยพบว่า เด็กวัยเรียนมีปัญหาโรคฟันผุอยู่มาก โดยเด็กที่มีอายุ 3 ขวบ ฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 52 เฉลี่ย 2.7 ซี่ต่อคน เด็กอายุ 12 ปี หรือประถมศึกษาปีที่ 6 มีฟันแท้ผุร้อยละ 52 เฉลี่ย 1.3 ซี่ต่อคน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเจ็บปวด การติดเชื้อ และสร้างปัญหาการบดเคี้ยวอาหาร ส่งผลต่อน้ำหนัก การเจริญเติบโต และบุคลิกภาพของเด็ก ที่สำคัญคือกระทบต่อการเรียน ทำให้เด็กหยุดเรียน และปัญหาฟันผุซึ่งนำไปสู่การสูญเสียฟันที่เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก นำไปสู่การสูญเสียฟันทั้งปากในวัยสูงอายุ
ทพ.สุธากล่าวว่า กรมอนามัย โดยสำนักทันตสาธารณสุข ได้รณรงค์ลดการบริโภคน้ำตาลในเด็กไทยมาตลอด โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมา ได้พัฒนาพื้นที่ตัวอย่างในการจัดการอาหารและเครื่องดื่มรอบรั้วโรงเรียน รวมทั้งขยายผลสู่นโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมครอบคลุมร้อยละ 72 ของโรงเรียนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และร้อยละ 83.5 ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กด้วยการจัดอาหารว่างเป็นผัก ผลไม้อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์