หากใครที่ตอนนี้กำลังมีอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์เปลี่ยนแปลงไว รู้สึกวิตกกังวลมากกว่าปกติ หรือหมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบทำขอให้รู้ไว้ว่าคุณกำลังโดน "ความเครียด" เล่นงานแล้ว ซึ่งนับเป็นอาการที่คนส่วนใหญ่กำลังเผชิญ ทั้งจากปัญหาทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า
ไม่ใช่แค่จิตใจเท่านั้นที่โดนความเครียดฮุกหมัดเด็ด เพราะร่างกายอาจพลอยสะบักสะบอมตามไปด้วย เช่น เกิดอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด (หรือแม้กระทั่งกินเยอะผิดปกติจนน้ำหนักเกินก็มี) ปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปวดหัว ปวดกล้ามเนี้อ ปวดท้อง รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว และท้ายสุดก็ทำให้ขาดสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการทำงาน
นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ จิตแพทย์ชำนาญการ รพ.ศรีธัญญา และจิตแพทย์ที่ปรึกษา รพ.บำรุงราษฎร์ และ รพ.เวชธานี แนะ 8 วิธีจัดการความเครียด
1 ตั้งสติ ลองแจกแจงปัญหาทีละข้อ จัดลำดับความสำคัญสิ่งที่ควรแก้ก่อน วางแผนและลงมือทำเลย ส่วนสิ่งไหนที่อยู่เหนือการควบคุม ก็ต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโทษภัยในอนาคต
2 รับสื่ออย่างระวัง เลือกรับแบบพอเหมาะพอประมาณอย่าให้เครียดมากเกินไป และเลือกแบบที่เชื่อถือได้หลีกเลี่ยงการดูหนัง ละคร และรายการรุนแรงก้าวร้าว หรือยิ่งทำให้เครียดขึ้นไปอีก
3 หากิจกรรม งานอดิเรกทำ ไม่ปล่อยให้ว่างจนฟุ้นซ่าน และยังได้ประโยชน์หลายอย่าง ทั้งฝึกสมาธิ เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย เช่น เข้าคลาสเต้น ออกกำลังกาย เป็นต้น
4 หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับแทนที่จะได้พักผ่อนกลับใช้เวลาคิดฟุ้งซ่าน วิตกกังวล นำไปสู่ความเครียด
5 แม้จะรู้สึกไม่อยากอาหารแต่ก็ต้องรับประทานอย่าให้ขาด เลือกของดีมีประโยชน์แทนการกินอาหารเสริมที่เกินความจำเป็น
6 ไม่หันหน้าเข้าหาสารเสพติดต่างๆ อาทิ สุรา บุหรี่ เพราะจะทำให้สมองแย่ลง ร่างกายเสี่อม ยิ่งเกิดความเครียด และไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย
7 หาคนคุยด้วยเมื่อรู้สึกเครียด ขณะเดียวกันควรเป็นผู้ฟังที่ดีหากคนรอบข้างมีปัญหาเช่นกัน
8 หากกังวลเรื่องรายรับรายจ่าย แทนที่จะคำนวนในใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาด ควรบันทึกบัญชีอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถประเมินรายรับรายจ่ายได้อย่างถูกต้องควบคุมตนเอง และวางแผนเรื่องอนาคตได้ง่ายขึ้น ลดความตึงเครียดในระยะยาวลง