อากาศหนาวกลับมาเยือนอีกแล้ว ยิ่งใน กทม.วันสองวันนี้หนาวเข้าไปถึงกระดูก ต้องยอมรับว่าหนาวปีนี้อยู่นานกว่าปกติผิดกับปีก่อนที่หนาวมาไม่กี่อาทิตย์ ทำเอาวัยรุ่นหนุ่มสาวต่างบ่นกันอุบ ยังไม่ทันจะคว้าเสื้อหนาวตัวโปรดมาสวมใส่ อากาศก็เริ่มกลับมาร้อนอีกแล้ว
อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแบบนี้โฟกัสไปที่คนแก่วัยชราย่อมไม่ไม่โสภาหรือกระดี๊กระด๊าไปตามอารมณ์ของวัยรุ่นหนุ่มสาวอย่างแน่นอนหากไม่ดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี ช่วงวัยที่โรยราอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงเอาได้
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาเตือนว่า ช่วงนี้อุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศหนาวเย็นลงอีก ผู้สูงอายุอาจเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะไข้หวัด และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมา เช่น ปอดอักเสบติดเชื้อ จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในฝูงชนหรือสถานที่แออัด
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเรื่องผิวหนังด้วยเนื่องจากผู้สูงอายุมีไขมันใต้ผิวหนังน้อย จึงมีแนวโน้มที่ผิวหนังจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ควรทาโลชั่นหลังอาบน้ำทุกครั้งเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง
สำหรับผู้สูงอายุบางรายที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากการกินอาหารดังกล่าวจะทำให้หัวใจทำงานหนักเพิ่มขึ้น ไม่เท่านั้นยังอาจพบปัญหาโรคปวดข้อ ซึ่งอากาศหนาวจะกระตุ้นให้โรคเกาต์มีอาการรุนแรงขึ้น จึงควรรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายอยู่เสมอ
ส่วนการป้องกันตัวเอง ดูแลสุขภาพอย่างไรไม่ให้เกิดโรคกับคนแก่ที่ว่านี้หมอสุพรรณ แนะว่า 1.ควรเลือกรับประท่านอาหารที่ให้ความอบอุ่นแต่ไขมันไม่สูง เช่น เนื้อปลา สัตว์ปีก เพราะร่างกายสามารถย่อยได้ง่าย
2.ควรรับประทานผลไม้สดมากกว่าการดื่มน้ำผลไม้ เพราะจะให้เส้นใยอาหารมากกว่า 3.รับประทานธัญพืชที่มีกากใยอาหารสูง เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เป็นต้น 4.สวมเสื้อผ้าที่หนาพอ มีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย
5.ดื่มน้ำอุ่นวัยละ 6-8 แก้ว 6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชม. 7.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ 8.ปรึกษาแพทย์เมื่อรู้สึกว่ามีความผิดปกติ ที่สำคัญการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดของคนในครอบครัวจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตแจ่มใส และร่างกายแข็งแรงตามไปด้วย
เด็กเล็ก...ระวังโรคมือ เท้า ปาก
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขก็เคยออกมาเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระวังเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงอายุ 1-3 ขวบ ให้ระวังโรคมือ เท้า ปาก เพราะโรคที่ว่านี้แพร่เชื้อได้อย่างดีในช่วงหน้าหนาว ผ่านทางน้ำมูก เสมหะ ตุ่มแผลพุพอง วิธีป้องกันควรกำชับเด็กล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร นอกจากนั้น หากพบว่าเด็กมีไข้ พบเม็ดใสๆ ขึ้นในปาก เบื่ออาหาร ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที