HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 07/01/2557 ]
"เผือก" พืชมากคุณค่า สารพัดประโยชน์
  เมื่อพูดถึง "เผือก" เราคงคิดถึงอาหารแปรรูปทั้งคาวหวานไม่ว่าจะเป็น แกงบวดเผือก เผือกอบ เผือกกวน เผือกฉาบ เผือกเส้นกรอบเค็ม เผือกทอด เผือกรังนก บัวลอยเผือก ข้าวเหนียวปิ้งใส่เผือก ไอศกรีมเผือก ฯลฯ ซึ่งสามารถหาทาน ได้ทั่วไป รวมทั้งเผือกนึ่ง/ต้ม ที่สามารถซื้อหาได้ง่ายๆ ตามรถเข็นริมถนน หรือหาบเร่แผงลอยทั่วไปซึ่งมีราคาไม่แพงนัก
          เรียกได้ว่าพืชกินหัวชนิดนี้ ยังคงได้รับความนิยมจาก คนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
          อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะส่ายหน้าเพราะมองว่า เผือกอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต มีแคลอรีสูง จึงไม่เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จริงๆ แล้วพืชผัก ผลไม้ทุกชนิดหากทานให้พอดี ร่างกายย่อมได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะพืชหัวที่อยู่ใต้ดินสีขาวอมม่วงชนิดนี้
          ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ก็เพราะเผือกมีประโยชน์และสรรพคุณหลายอย่าง จึงเป็นอาหารที่บำรุง สุขภาพและให้พลังงานไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร นอกจากคาร์โบไฮเดรตแล้ว เผือกยังมีโปรตีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 วิตามินซี และที่สำคัญมีธาตุเหล็กและฟลูออไรด์สูง จึงช่วยทำให้ฟันไม่ผุ กระดูกแข็งแรง จึงไม่ต้องห่วงเรื่องกระดูกพรุน รวมทั้งข้อเข่าเสื่อมโดยเฉพาะผู้หญิงสูงวัยที่จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมเสริมในปริมาณมาก นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงไต บำรุงลำใส้และ แก้อาการท้องเสียอีกด้วย
          เหตุนี้ หากใครที่ดื่มนมไม่ได้ ดื่มนมแล้วท้องอืด หรือมีอาการแพ้นม เผือกอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทานทดแทนนม นอกจากอาหารชนิดอื่นๆ และหากใครอยากทานเผือกเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอาจต้มเผือก 100 กรัม กับข้าว 100 กรัม ต้มจนเป็นโจ๊กและทานได้เลย โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้ จะช่วยทำให้ ฟื้นไข้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องทานเผือกในปริมาณที่ พอเหมาะคือ ฝ -1 ถ้วยตวง/วัน เพราะหากทานมากจนเกินไปจะทำให้ม้ามทำงานไม่ค่อยดี และยังทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ค่อยดีอีกด้วย นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงเผือกดิบเพราะมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคนิ่วในไตและโรคเก๊าท์ได้ในที่สุด
             เผือกยังสามารถช่วยผู้ที่เป็นโรคเรื้อนกวางได้ โดยใช้ ต้นกระเทียมประมาณ 100 กรัม โขลกกับเผือกสด 100 กรัม โขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วทาบริเวณที่เป็นเรื้อนกวางก็จะทำให้อาการดีขึ้น ส่วนใครที่ปวดเมื่อย เผือกก็อาจช่วยได้เช่นกัน เพราะเผือกช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยเส้นเอ็น กระดูก และทาแก้แมลงกัดต่อย โดยการโขลกเผือกสดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำมันงา จากนั้นคลุกให้เข้ากัน ใช้ทาบริเวณที่ปวดเมื่อย และแมลงกัดต่อย
           สำหรับการเลือกซื้อเผือกควรเลือกหัวที่มีน้ำหนักมาก เนื้อแน่น ผิวเรียบ ไม่มีตำหนิ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป เราก็จะได้ทานเผือกที่อร่อยและได้ประโยชน์มากที่สุด แต่ถ้าหากยังไม่มีแหล่งซื้อดีๆ "ตลาดไท" ตลาดกลางสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นอกจากการันตี ความปลอดภัยจากการสุ่มตรวจสารปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตราย ต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอแล้ว ที่นี่ยังมีสินค้าสดใหม่ทุกวัน อีกด้วย...ปีใหม่นี้มาลองทานเผือกเพื่อสุขภาพกันเถอะ

pageview  1205735    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved