HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 03/12/2556 ]
7 วิธีบอกลาปัญหาหน้าแห้ง(เหี่ยว)
 เมื่อย่างเข้าสู่หน้าหนาว สาวๆ หลายคนอาจมีปัญหาสุขภาพผิว เช่น อาการคัน หน้าแห้ง เป็นขุย ขาดความชุ่มชื้น ยิ่งใครที่อายุขึ้นเลข 3 แล้วแม้ไม่ใช่หน้าหนาว ผิว (สาว) ก็ยังขาดความสดชื่น แห้งเหี่ยว จนอาจทำให้แลดูแก่ก่อนวัยได้อีก แบบนี้ ควรรีบอัพสุขภาพใบหน้าให้มีออร่า ก่อนที่ปัญหาจะตามมาจนยากที่จะแก้ไขนะคะ
          จริงๆ แล้วผิวที่มีสุขภาพดีไม่ใช่การมีผิวขาวอย่างที่เข้าใจกัน แต่หมายถึง การมีใบหน้าที่เรียบเนียน สดใส เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น แต่หากยิ้มทีไรกลับพบแต่ริ้วรอย ตีนกา ใบหน้าแห้งเหี่ยว เป็นขุย ลอก และมีอาการคัน แบบนี้แสดงว่า ผิวขาดดุลยภาพ หรือขาดความสมดุล ซึ่งอาจมีปัญหาจากหลายสาเหตุ
          อย่างแรกก็คือเรื่องของกรรมพันธุ์ ซึ่งโทษใครไม่ได้นะคะนอกจากผู้ให้กำเนิด (แรงส์) ที่ทำให้คุณลูกอาจมีโรคที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) สะเก็ดเงิน (Psoriasis) ทางเดียวที่แก้ได้คือการปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี
          ต่อมาคืออายุที่เพิ่มขึ้น อย่างที่เดี๊ยนบอกไปในตอนแรก อายุมากขึ้นอะไรๆ มันก็เริ่มจะเสื่อมสภาพ เป็นต้นว่า ผิวบางลง เซลล์ผิวไม่ชุ่มชื้นเพราะกักเก็บน้ำได้น้อยลง ต่อมไขมันสร้างไขมันน้อยลง ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่าคนที่อายุมากเท่าไหร่ ผิวก็ยิ่งบางลงเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยตามมานั่นเอง ปัจจัยนี้เราก็ต้องหาทางแก้ไขนะคะ
          และสุดท้ายคือ เรื่องของสภาพแวดล้อม อย่างที่บอกไว้ ทั้งหน้าร้อน หน้าหนาวนี่แหละที่ทำให้ผิวเราแย่ ถึงแย่ที่สุด เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมที่ร้อน หรือหนาว ความชื้นในอากาศก็จะน้อยลง เป็นผลให้ผิวของเราสูญเสียน้ำ ทำให้หน้าตึง ลอก และสุดท้ายริ้วรอยก็ถามหา นอกจากนี้ เครื่องสำอางและสารเคมีที่คุณใช้ก็มีส่วนทำให้ใบหน้าแห้งกร้านได้เช่นกัน เนื่องจากผิวถูกรบกวน
          แต่ทุกปัญหามีทางออก ลองไปดูว่า คุณจะกำจัดจุดอ่อนแห่งปัญหาหน้าแห้งเหี่ยวได้อย่างไร
          อลผหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะอากาศแห้ง เช่น ในห้องแอร์ เมื่อรู้ว่าอากาศแห้งมาก ถ้าเป็นไปได้ต้องหลีกเลี่ยง การตากแดด หรือทำงานกลางแจ้ง การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด หรือการรบกวนผิวในแบบต่างๆ หากคุณแพ้ง่ายก็ต้องหลีกเลี่ยงหรืองด เช่น ซาวน่า การขัดผิว ลอกผิว เป็นต้น สิ่งสำคัญต้องรู้จักสังเกตตัวคุณเอง
          2) ดื่มน้ำให้เพียงพอ ในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 65-70% ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ไม่เช่นนั้นความชุ่มชื้นของเซลล์ผิวจะเสียไป อย่างไรก็ตามน้ำในที่นี้คือน้ำเปล่า ไม่ได้เหมารวมเอาชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลม ไปด้วย เพราะอย่าลืมว่า น้ำเหล่านั้นอาจทำให้ผิวกลับแย่ลงได้ เช่น ชา กาแฟ ประกอบด้วยสารที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลต่อระบบสมดุลในร่างกาย น้ำอัดลม ส่งผลต่อการจัดสมดุลของน้ำในเซลล์ เป็นต้น
          3) เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว หากคุณเป็นคนมีใบหน้าแห้งกร้าน มีริ้วรอย การใช้ครีมหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ น่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่ง การทามอยส์เจอไรเซอร์ เป็นประจำจะช่วยให้เซลล์ผิวคงดุลยภาพที่ดีได้ ทั้ง มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น โดยการดึงน้ำจากอากาศไว้ที่ผิวหนัง (Humectant) ซึ่งจะมีสาร กลีเซอรีน ซอร์บิทอล  มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเคลือบผิว ป้องกันการระเหยของน้ำ (Occlusive) จะมีสารพวก ปิโตรลาทัม ลาโนลิน  และมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยในการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวนุ่มเนียน (Emollient) มีส่วนผสมของมิเนอรัลออยล์ โจโจ้บาออยล์ เหล่านี้ คุณต้องเลือกเองอย่างเหมาะสม
          4) ทานอาหารเสริมบำรุงผิว ผิวพรรณจะสดใส การดูแลตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุง ผิวพรรณในรูปแบบต่างๆ เช่น วิตามินอี ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยยืดอายุเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้น วิตามินซี เสริมระบบภูมิคุ้มกัน เร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ กรดไขมันจำเป็นที่สำคัญต่อการสร้างฮอร์โมน รู้จักกันดีในชื่อโอเมกา หรือจะเป็นแกมม่า ไลโนเลนิค เช่น น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส/ Evening Primrose Oil กรดไขมันที่จำเป็นที่ช่วยลดอาการผิวแห้งและผิวอักเสบ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งมีอยู่ในอาหารที่เราสามารถทานได้ -ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว
          5) อาหารธรรมชาติชะลอเซลล์ แนวทางหนึ่งของการบอกลาปัญหาผิว คือการทานอาหารตามธรรมชาติที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากธรรมชาตินั้นได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุซึ่งได้จากอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป หรืออาหารที่ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด ดังนั้น หากพบอาหารที่จำไม่ได้เลยว่าผลิตมาจากอะไรให้หลีกเลี่ยง ทานอาหารให้หลากหลาย และอาหารที่ไม่มีสารปนเปื้อน เช่น ผักผลไม้ที่หลากหลายจากธรรมชาติ และในท้องถิ่นจะมีคุณค่าสูงและอุดมด้วยสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์
          6) ล้างหน้าอย่างถูกวิธี การล้างหน้าบ่อยไม่ใช่การทำให้หน้าสะอาด ในทางกลับกันการล้างหน้าบ่อย จะเป็นการชะล้างไขมันที่ช่วยเคลือบผิวเกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังควรเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพราะจะทำให้หน้าขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย และหากคุณเป็นคนผิวแห้งมากควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ เพราะอาจทำให้ผิวแห้ง และอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
          7) ใช้ตัวช่วย เทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก แนวทางแก้ปัญหาผิวพรรณจึงสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การตรวจวิเคราะห์ปัญหาสภาพผิวที่แห้งกร้านเพื่อหาทางออก การใช้เลเซอร์ หรือเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นเซลล์หรือบำรุงผิวหน้า การทรีตเมนต์เพื่อความชุ่มชื้น การผลักวิตามินสู่ผิว การมาร์คหน้า  เป็นต้น วิธีการเหล่านี้อาจเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกันก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีการฉีดสารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ริ้วรอยต่างๆ หายไป แต่วิธีนี้ขอเตือนหนุ่มๆ สาวๆ ว่า ต้องศึกษาหาข้อมูลและเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลที่ไว้ใจได้เท่านั้น
          แนวทางสำคัญ คงไม่ใช่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่งจะสามารถกำจัดจุดอ่อนของปัญหาผิวได้ ผแต่จะต้องใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม รวมทั้งต้องดูเงินในกระเป๋าของคุณด้วยนะคะ

pageview  1205915    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved