HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 29/02/2555 ]
แฉเส้นทางซูโดฯส่งเชียงใหม่รับเละ1เม็ดผลิตยาบ้าได้ถึง5
          สภาเภสัชฯเล็งถอนใบอนุญาตเภสัชกรนอกรีต ผอ.รพ.ทองแสนขันปัดไม่มีเอี่ยวเชื่อปลอมแปลงลายเซ็นสั่งยา ตะลึงพบเส้นทางยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดฯส่งจากอุตรดิตถ์ไปแหล่งผลิตยาบ้า จ.เชียงใหม่ปลัด สธ.เตรียมประชุม ผอ.รพ.ทั่วประเทศแก้ปัญหา
          หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ออกประกาศควบคุมป้องกันการลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสมห้ามจำหน่ายในร้านขายยา โดยอนุญาตให้ใช้ในโรงพยาบาล (รพ.) ของรัฐและเอกชนเท่านั้น เนื่องจากสามารถใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดได้ กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สามารถจับกุมเภสัชกรที่มีการลักลอบส่งยาแก้หวัดดังกล่าวในโรงพยาบาลอุดรธานี และโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์และอยู่ระหว่างการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรงและขยายผลไปยังผู้รับซื้อว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
          ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายวิทยาบุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า กรณีกระทรวงสาธารณสุขตรวจพบเภสัชกรประจำโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟดรีนมียอดสั่งซื้อจากบริษัทยา 975,000 เม็ด แต่แจ้งยอดที่โรงพยาบาลสั่งซื้อเพียง 10,000 เม็ดนั้น ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต้องขยายผลไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองแสนขันในฐานะผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อ เบื้องต้นได้รับรายงานจากสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์แล้วว่าได้สั่งย้ายนายธีระพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกร 7 โรงพยาบาลทองแสนขัน มาช่วยราชการประจำอยู่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว
          "ซูโดอีเฟดรีนมีจำหน่ายตามร้านขายยา ราคาเม็ดละ 3-5 บาท นำไปเป็นสัดส่วนในการผลิตยาบ้าสร้างมูลค่าถึงเม็ดละ 300 บาท ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงมีประกาศควบคุมห้ามมีจำหน่ายตามร้านขายยา ทั้งนี้ สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนสืบหาเส้นทางยาดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร ส่วนร้านขายยาเองก็ต้องมีการขออนุญาตสั่งซื้อที่โรงพยาบาลก็จะมีตัวเลขบอกว่าซื้อไปเท่าไหร่ จะสั่งซื้อถึง 100,000 เม็ดคงเป็นไปไม่ได้" นายวิทยากล่าว
          นายวิทยากล่าวด้วยว่า สำหรับรายของเภสัชกรทองแสนขันข้อมูลที่ได้รับมีการสั่งซื้อเป็นตัวเลขสะสม ไม่ใช่สั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่มาทีเดียว เป็นการสั่งซื้อที่มีความถี่บ่อยครั้งมากผิดปกติ จนเป็นเหตุให้มีการตรวจพบที่ จ.อุดรธานีและอุตรดิตถ์ ซึ่งพยายามที่จะตัดสายป่านเพื่อไม่ให้นำไปเป็นส่วนผลิตยาบ้า ตอนนี้กำลังขยายผลเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายขบวนการยาบ้าอยู่
          นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นิติกรสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับนายธีระพงษ์ เภสัชกร 7 โรงพยาบาลทองแสนขันซึ่งให้การยอมรับว่ามีการสั่งซื้อมาจริง โดยซื้อและนำไปส่งให้เพื่อนอีกคนหนึ่ง
          "การแจ้งความดำเนินคดีนั้นเพื่อให้ทางตำรวจได้เข้ามามีส่วนขยายผลการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกที่ทางสาธารณสุขเข้าไปไม่ถึง โดยเฉพาะเครือข่ายยา และการสอบสวนเบื้องต้นไม่พบว่ามีการจำหน่ายยาซูโดอีเฟดรีนในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียง แต่มีการส่งตรงไปยังจ.เชียงใหม่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ภาค 5 จ.เชียงใหม่ ตรวจสอบกล่องจ่าหน้าผู้ฝากส่งมาจากโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ซึ่งกล่องดังกล่าวตกอยู่ในแหล่งผลิตยาบ้าแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ จึงสืบหาต้นตอย้อนมาที่ จ.อุตรดิตถ์ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่เภสัชกรรายนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง"นายโยธินศร์กล่าว
          นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการแกะรอยตรวจสอบเส้นทางการติดต่อสื่อสาร ในกลุ่มบุคคลเป้าหมาย เป็นพยานหลักฐานสำคัญ ในการเชื่อมโยงถึงตัวผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นพบเบาะแสทางลับมีบุคลากรสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้องชัดเจน เป็นการปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขต ผิดวัตถุประสงค์ ไม่คาดคิดจะมียาปริมาณมากมาย จึงสั่งการให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดและถึงที่สุด เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
          วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรียกประชุมผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข 13 เขตพื้นที่ทั่วประเทศกำชับให้ตรวจเข้มโรงพยาบาลในความรับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ทั้งนี้ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้จะมีการประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
          รศ.ภญ.ธิดา นิงสานนท์ นายกสภาเภสัชกรรมกล่าวว่า กรณีที่เภสัชกร 2 ราย ลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล ทางสภาเภสัชกรรมได้ให้ความสนใจและติดตามรายละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการสภาเภสัชกรรม เพื่อพิจารณาด้านจรรยาบรรณของเภสัชกรดังกล่าวด้วย เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่วิชาชีพเภสัชกรรม เมื่อกระทำผิดอาจต้องถอนใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมด้วย
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลทองแสนขันว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเจ้าหน้าที่พยาบาลคนใดพูดหรือกล่าวถึงกรณีนายธีระพงษ์ เภสัชกรระดับ 7 ซึ่งตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ มีเพียงแต่ญาติคนไข้นั่งจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนมีความสงสัยเรื่องตัวยานี้คืออะไรและเชื่อว่าไม่น่าเป็นเรื่องจริงเนื่องจากเภสัชกรคนนี้มีนิสัยดีและพูดคุยสุภาพอ่อนโยนต่อชาวบ้านที่มารับยาในโรงพยาบาล
          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนที่สำนักงานร้านธีรพงษ์เภสัชกร 40/31 ถนนเจษฎาบดินทร์ต.ท่าอิฐ อ.เมือง อุตรดิตถ์ ตึกอาคาร 3 ชั้น และร้านธีระพงษ์เภสัช (สาขา 2) ตรงข้าม รพ.เอกชนเก่า9/14 ถนนพาดวารี ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ห้อง 2 คูหา 2 ชั้น ซึ่งเป็นร้านขายยาของนายธีระพงษ์ เภสัชกรระดับ 7 โรงพยาบาลทองแสนขันช่วยราชการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ใบอนุญาตขายยาเลขที่ อต.8/2549 ทั้ง 2 แห่งถูกปิดลง โดยไม่มีการจำหน่ายขายยาแต่อย่างใด ซึ่งปกติแล้วจะเปิดบริการตั้งแต่ 07.00-20.00 น. ทุกวัน
          แหล่งข่าวจากสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์เปิดเผยว่า จากการสืบสวนเชิงลึกทราบว่าตลอดทั้งปี 2554 ทางโรงพยาบาลทองแสนขันมีการสั่งยาซูโดอีเฟดรีนมาเป็นจำนวน 920,000 เม็ด และในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้สั่ง 50,000 เม็ด แต่ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงเก็บอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการได้สอบเค้นเอาความจริงกับเจ้าหน้าที่คลังยาประจำโรงพยาบาลทองแสนขัน ได้ผลสอบคืบหน้าส่วนหนึ่ง และเตรียมทำหนังสือถึง อย. เพื่อให้ส่งหลักฐานการสั่งซื้อยาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนำมาประกอบเป็นหลักฐานเพิ่มเติม และได้สอบถามข้อมูลกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลถึงการสั่งซื้อยาดังกล่าวว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งจัดซื้อจัดจ้างแต่เพียงผู้เดียว แต่ทางผู้อำนวยการได้ให้การปฏิเสธว่าไม่มีการสั่งซื้อด้วยตนเอง คาดว่ามีการปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นด้วย
          ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี รายงานว่า ความคืบหน้าคดีนายสมชาย แซ่โค้ว อายุ 41 ปี เภสัชกรชำนาญการ รพ.ศูนย์อุดรธานี ได้เบิกจ่ายยาออกจากคลังยาโดยไม่มีใบเบิกหรือใบอนุมัติอันเป็นความผิด เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เบื้องต้นนายสมชายยอมรับนำออกไปขาย 130 ขวด ขวดละ 500 เม็ด รวม65,000 เม็ด แต่จากการตรวจสอบบัญชียาทั้งหมดพบว่าหายไป 280 ขวด รวม 140,000 เม็ด
          พ.ต.อ.โกวิทย์ เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.อ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากตัวแทนนายสมชาย ว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาวันนี้ แต่ตลอดทั้งวันยังไม่เดินทางมาหากไม่มอบตัววันที่ 28 กุมภาพันธ์ จะขออำนาจศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหายอมรับชั้นสอบสวนว่าเอายาไปขาย แต่ไม่ได้ระบุว่าเอาไปขายให้ใครแนวทางการสืบสวนทราบว่ายาที่ขโมยไป 1 เม็ดจะผลิตยาบ้าได้ 5 เม็ด โดยมีกลุ่มคนทำตัวเป็นเซลส์แมนไม่ได้มาติดต่อขายสินค้าอย่างเดียว แต่มาติดต่อซื้อยาตัวนี้ เพื่อรวบรวมเอาไปขายแหล่งผลิตยาบ้าที่ภาคเหนือ

pageview  1205152    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved