สสจ.อุดรชี้ผลสอบเภสัช รพ.อุดรมีความผิดจริง ตะลึงพบอีกเภสัชกรประจำ รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ลักลอบส่งยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน สั่งล็อตเดียวกับ รพ.อุดร กว่า 9.7 แสนเม็ดแต่แจ้งยอดเพียง 1 หมื่นเม็ด

          เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายวิทยา บุรณศิริรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการควบคุมป้องกันการลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีน เป็นส่วนผสมซึ่งอนุญาตให้ใช้ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเท่านั้น ไม่ให้จำหน่ายในร้านขายยา หลังจากที่มีการจับกุมเภสัชกรของโรงพยาบาลอุดรธานี ระดับชำนาญการ กระทำผิดลักลอบส่งยาแก้หวัดดังกล่าวจำนวน 65,000 เม็ด และจัดทำหลักฐานเท็จเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ว่า หลังจากขยายผลได้รับรายงานเพิ่มเติมพบเภสัชกรประจำโรงพยาบาลทองแสนขันที่จังหวัดอุตรดิตถ์อีก 1 ราย มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเภสัชกรที่จังหวัดอุดรธานี มีการสั่งซื้อยาแก้หวัดล็อตเดียวกับที่ตรวจสอบได้ที่โรงพยาบาลอุดรธานี โดยมียอดสั่งซื้อจากบริษัทยามากถึง975,000 เม็ด แต่แจ้งยอดที่โรงพยาบาลสั่งซื้อเพียง 10,000 เม็ด

          นายวิทยากล่าวว่า เรื่องนี้ สธ.ยอมไม่ได้ จะใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับบุคลากรทางการแพทย์ทุกรายที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขายยาแก้หวัดที่ควบคุมพิเศษ อยู่ระหว่างการเพิ่มโทษให้รุนแรงกว่าเดิม และขยายผลไปถึงแหล่งสั่งซื้อและแนวร่วมอื่นๆ ด้วย ได้มอบหมายให้นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข และประธานชุดทำงานควบคุมป้องกันการลักลอบจำหน่ายยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นสูตรผสม ให้ติดตามข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นการด่วน ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง 1 ชุด ให้รายงานผลเป็นการด่วน และกำชับปลัดกระทรวงสาธารณสุข หากพบว่ามีข้าราชการของ สธ.พัวพันกับการค้ายาเสพติด จะให้ออกจากราชการทันทีและขยายผลตรวจสอบถึงแหล่งต้นทางและปลายทาง เพื่อที่จะกวาดล้างปัญหาให้หมดไปโดยเร็วที่สุด ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ทำหนังสือด่วนกำชับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ให้สำรวจการใช้ยาแก้ไข้หวัดสูตรที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นสูตรผสม ย้อนหลังไป 1 ปี ถ้ามีการใช้มากเกินผิดปกติที่ควรจะเป็น ให้ผู้ตรวจราชการทุกเขตและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบด่วน ถ้าพบว่ามีส่วนพัวพันกับการลักลอบการค้ายาเสพติด จะให้ออกจากราชการทันที ตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือว่าเรื่องนี้เป็นความผิดขั้นร้ายแรง

          นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุดรธานี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเภสัชกรรายหนึ่งใน จ.อุดรธานี ว่า ผลการสืบสวนสรุปว่ามีความผิดจริงและจะส่งผลสอบสวนเสนอไปยังคณะกรรมการสืบสวนร้ายแรงคาดว่าจะได้ผลสรุปลงโทษทางวินัยในวันที่27 กุมภาพันธ์นี้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถเปิดเผยข้อเสนอการลงโทษเภสัชกรรายนี้ได้เนื่องจากจะเป็นการก้าวก่ายหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแก่นเพชร ช่วงรังษีผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้รับรายงานจาก นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ว่าตรวจพบนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกร เจ้าหน้าที่พัสดุ มีหน้าที่กำกับคลังยาสถานีอนามัยโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ลอบนำยาแก้หวัด ที่มีสูตรซูโดอีเฟรดีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษ เพราะเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ออกจากโรงพยาบาล 130 ขวด ขวดละ 500 เม็ด รวม65,000 เม็ด โดยจัดทำหลักฐานเท็จว่าตัดจ่ายไปให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจ.อุดรธานี

          นายแก่นเพชรกล่าวว่า มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและทางวินัยร้ายแรงไปพร้อมกัน โทษสูงสุดคือไล่ออก พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีอาญา อีกทั้งมีคำสั่งย้ายผู้ถูกกล่าวหาออกจากการปฏิบัติหน้าที่เดิม เพราะผู้ถูกกล่าวหายอมรับสารภาพว่าเป็นผู้นำยาออกไป 5 ครั้ง และนำไปขายให้กับผู้อื่น ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม

          "นอกจากขั้นตอนของหน่วยงานต้นสังกัด ผมได้กำชับไปยัง พ.ต.อ.บุญลือ กอบางยาง รักษาการ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เร่งรัดการสอบสวนคดีให้รัดกุม นำผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องมาลงโทษและให้สืบสวนยาสำคัญที่ถูกโจรกรรม และถูกนำไปขายต่อให้ใคร มีการนำยาเหล่านั้นไปเพื่ออะไรสามารถนำกลับมาได้หรือไม่ โดยให้เร่งติดตามทันที" นายแก่นเพชรกล่าว