นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายในงาน "วันดื่มนมโรงเรียนโลก 2013" ว่า ตามที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ได้กำหนดให้วันพุธสุดท้ายของเดือนก.ย.ของทุกปีเป็นวันดื่มนมโรงเรียนโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงโครงการนมโรงเรียนในแต่ละประเทศ รวมทั้งกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสำคัญกับการดื่มนมมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยได้จัดงานนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และในปี 2556 รัฐบาลได้จัดนมโรงเรียนให้ขยายการดื่มนมจากระดับอนุบาลจนถึงชั้นประถมปีที่ 4 รวม 5,961,273 คน ดื่มนม 230 วันต่อปี รวมงบประมาณ 6,819.03 ล้านบาท และปัจจุบันได้ขยายการดื่มนมถึงระดับประถมปีที่ 6 แล้ว
          "การจัดโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาร่างกายของนักเรียนให้มีสุขภาพแข็งแรง และมีน้ำหนัก ส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขรวมทั้งเพื่อเป็นการปลูกฝังการดื่มนมในเด็กและเยาวชน ให้พัฒนาร่างกาย สติปัญญาและเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำนมดิบในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของรัฐบาลซึ่งโครงการดังกล่าวได้ช่วยแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี"นายยุคลกล่าว
          นายยุคล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 15 ธ.ค. 2552 ให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นองค์กรกลางในการบริหารจัดการนมโรงเรียนทั้งระบบ เพื่อรองรับน้ำนมดิบที่นำมาแปรรูปเข้าสู่ตลาดนมโรงเรียนได้ทั้งหมด รวมทั้งให้อ.ส.ค.จัดระบบบัญชีและการบริหารโครงการฯ แยกออกจากงานปกติเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและโปร่งใสเพื่อให้เกษตรกรจำหน่ายน้ำนมดิบได้หมด และได้รับเงินค่านมตรงเวลา รวมถึงเด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพจากนมโคที่ผลิตโดยเกษตรกรภายในประเทศ ซึ่งเป็นนมไม่มีการปลอมปนนมผงหรือวัตถุอื่นใด และการดำเนินการของอ.ส.ค.ตามมติครม. ทำให้โครงการนมโรงเรียน สามารถรองรับน้ำนมดิบของเกษตรกรจำนวน 1,100-1,200 ตันต่อวัน
          ด้านนายนภดล ตันวิเชียร รองผอ. อ.ส.ค.กล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่นมโรงเรียนที่มีแต่รสจืดไม่มีรสหวานเหมือนรสชาติอื่นนั้น เพราะจะเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน เนื่องจากต้องการให้เด็กนั้นได้ดื่มนมโคสดที่มีคุณภาพไม่มีการเจือปนหรือนำนมผงเข้ามาเติม อีกทั้งนมโคสดนั้นมีปริมาณของน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่ประมาณร้อยละ 3 อยู่แล้ว รวมไปถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง และจะมีการรณรงค์ส่งเสริมสร้างความเข้าใจให้เด็กนักเรียนหันมาบริโภคนมโคสดรสจืดอีกทางหนึ่งด้วย
          สำหรับโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน มติ ครม. เมื่อ 15 ธันวาคม 2552 ให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) เป็นองค์กรกลางในการบริหารจัดการนมโรงเรียนทั้งระบบ เพื่อรองรับน้ำนมดิบที่นำมาแปรรูปเข้าสู่ตลาดนมโรงเรียนได้ทั้งหมดรวมทั้งให้อ.ส.ค.จัดระบบบัญชีและการบริหารโครงการฯ แยกออกจากงานปกติเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและโปร่งใส เกษตรกรจำหน่ายน้ำนมดิบได้หมด ได้รับเงินค่านมตรงเวลาและเด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ จากนมโคที่ผลิตโดยเกษตรกรภายในประเทศ ซึ่งเป็นนมไม่มีการปลอมปนนมผงหรือวัตถุอื่นใด รวมทั้งการบริหารการชำระเงินค่านมโรงเรียนที่รวดเร็วขึ้นซึ่งโครงการดังกล่าวยังช่วยลดปัญหาการขาดสารอาหาร ทำให้เด็กไทยมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และเจริญเติบโตสมวัยอีกด้วย