ช่วงเวลาที่กระแสของแฟชั่นแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั่วโลก ทั้งแบรนด์ดั้งเดิมที่ใช้ความเก๋ากับพลังของฐานลูกค้าที่ภักดีต่อยี่ห้อ และดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่ที่ตบเท้าโชว์ผลงาน ทำให้เหล่านักเสพแฟชั่นตื่นตา คำสัมภาษณ์เชิงเตือนที่ แองเจล่า อาห์เรนต์ส ผู้บริหารสูงสุดของ BURBRRY  ถือว่าสำคัญที่สุดคือคนทำงานโดยเฉพาะหญิง เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้หมด และงานไม่ใช่อันดับหนึ่งในชีวิต
          ซีอีโอหญิงวัย 53 ปี จากเมืองเล็ๆ ในรัฐอินเดียนาของสหรัฐ อธิบายว่า เพราะทั้งชีวิตมีหน้าที่ถึง 3 อย่างคือการเป็นภรรยา แม่ และผู้คุมบังเหียนของแบรนด์เสื้อผ้าเก่าแก่อายุกว่า 157 ปี
          อาห์เรนต์ส ยังออกตัวว่าไม่ใช่ซูเปอร์วูแมน หรือสามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ร่วมงานและพนักงานหญิง เพียงต้องการเน้นย้ำว่าบทบาทของแม่ต้องมาก่อน ลูกก่อนสิ่งที่สำคัญ และสามีเป็นบุคคลที่ไม่ควรละเลย เพราะเมื่อใดที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถสร้างสมดุลชีวิตของตัวเองได้สิ่งที่ทำทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องานก็จะออกมาดีได้ตามที่ตั้งใจและคาดหวัง
          ดังนั้น เพื่อให้ทุกหน้าที่สมบูรณ์ยแบบที่สุด อาห์เรนต์ส จึงตื่นนอนแต่เช้ามืดเวลาตีสี่สามสิบห้านาทีทุกวัน โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก และถ้านานเกิน 6 ชม.ต่อวัน จะรู้สึกปวดศีรษะ โดยเวลาที่ตื่นนอนเป็นช่วงเวลาที่ซีอีโอลูกสามรู้สึกมีแรงบันดาลใจ จิตใจสงบ อีกทั้งการตื่นเช้ามากๆ จะมีเวลาเผื่อชื่นชมดวงอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้ายังช่วยให้บริหารงานได้ดีขึ้นและนิ่งขึ้นด้วย
          นอกจากการสร้างเวลาในการใช้ชีวิตในแต่ละวันเพิ่ม อาห์เรนต์ส จะพยายามไม่รับนัดหมายหรืองานเลี้ยงที่ไม่จำเป็นเจ้าตัวยอมรับว่า เลือกที่จะไม่ร่วมงานประกาศรางวัลโลกทองคำหรือออสการ์ซึ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนเพื่อที่จะได้อยู่กับครอบครัว
          หากจำเป็นจริงๆ ก็จะออกงานปาร์ตี้เพียงแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น และถ้าต้องติดต่อธุรกิจไกลบ้าน ก็จะพยายามกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวให้ได้ภายในวันศุกร์ตอนเย็น
          แม้ดูเหมือนจะเป็นข้อแม้ที่มากสำหรับผู้บริหารที่ต้องต่อสู้ในสมรภูมิธุรกิจที่ไม่ธรรมดา แต่ อาห์เรนต์ส ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนี้ในปี 2006 หลังจากร่วมงานกับ BURBERRY ได้เพียง 6 เดือน
          อาห์เรนต์ส ยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ได้ค่าตอบแทนสูงที่สุดด้วย ด้วยมูลค่าถึง 16.9 ล้านปอนด์ หรือราว 854 ล้านบาท โดยมาจากหุ้นของบริษัทมากที่สุด แม้ล่าสุดจะมีรายงานว่ารายได้ส่วนตัวลดลงตามผลประกอบการ แต่ชื่อของซีอีโอผู้นี้ก็ยังคงติดแน่นเป็นซีอีโอของบริษัท จึงพอจะบ่งบอกได้ว่า ศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเธอนั้นยังคงมั่นคงและแข็งแรงขึ้น จากสมดุลชีวิตที่ได้จัดสรรไว้เป็นอย่างดีนั่นเอง