ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
          ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
          ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
          จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รพ.จุฬาลงกรณ์
          "ไข้เลือดออก" เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เดงกี่ (Dengue) มี 4 สายพันธุ์ จึงสามารถเป็นแล้วเป็นได้อีก เมื่อเป็นครั้งที่ 2 แล้วจะมีภูมิต้านทานต่อทั้ง 4 สายพันธุ์เดิม
          ไข้เลือดออกมักจะเป็นกับเด็กโดยเฉพาะวัยเรียน โรคนำโดยยุงลายบ้าน กัดในเวลากลางวัน มีระยะฟักตัว 3-5 วัน หลังจากถูกยุงกัด อาการเริ่มต้นจะมีไข้สูง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารไม่อยากรับประทานอาหาร (ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหวัด หรือทางเดินหายใจ) ไข้ลอย กินยาลดไข้ จะลงช่วงสั้นๆ ห้ามให้ยาลดไข้ จำพวกแอสไพริน ยาลดไข้แก้อักเสบ เช่น บรูเฟน จะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น วันที่ 2-3 บางรายจะมีจุดเลือดออกเล็กๆ ไข้เป็นอยู่ 4 วัน วันที่ 4 ต่อวันที่ 5 จะมีอาการมากที่สุด จะมีเลือดออกง่าย เกล็ดเลือดต่ำ การรั่วไหลของน้ำออกจากหลอดเลือดทำให้ขาดน้ำ ความดันต่ำ ช็อก ในวันที่ไข้ลง ความรุนแรงของโรคไม่เหมือนกัน ในแต่ละคน น่าจะเป็นปัจจัยจำเพาะบุคคลมากกว่าตัวไวรัส
          การศึกษาวิจัยความจำเพาะบุคคลที่ไวหรือเป็นรุนแรงของไข้เลือดออก เป็นปัจจัยที่น่าสนับสนุนให้มีการศึกษาถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายในการศึกษามาก เพื่อใช้ในการทำนายและป้องกันความรุนแรงของโรค อันตรายของโรคเกิดจากการขาดน้ำที่รั่วไหลออกนอกเส้นเลือด ดังนั้น การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยลดความรุนแรงได้ ในรายที่รับประทานไม่ได้จำเป็นต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดเพื่อชดเชยการรั่วไหลของน้ำให้พอเหมาะ
          ในปัจจุบันไม่มียารักษาจำในรายที่รุนแรง นอกจากภาวะช็อกแล้วอาจมีอาการเลือดออกจำนวนมากในทางเดินอาหาร ตับวาย ไตวาย อาการทางสมอง และเสียชีวิตได้ ถึงแม้จะให้การรักษาเต็มที่แล้วก็ตาม ในปีหนึ่งๆ ประเทศไทยจะมีผู้เสียชีวิตเป็นหลักสิบหลักร้อยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม การดูแลแต่เริ่มแรกจะช่วยลดอัตราความรุนแรงของผู้ป่วยลงได้
          โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค และเชื่อว่ายังไม่มีวัคซีนภายใน 5 ปีนี้ เพราะยังต้องมีการศึกษาวิจัยและลงทุน อีกมากในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค