|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 19/08/2556 ] |
|
|
|
|
เด็กอ้วนน่ารักแต่อ้วนขี้โรคอันตราย |
|
|
|
|
เด็กอ้วนจ้ำม่ำ ใครๆ ก็อยากเข้าไปหอมแก้ม เข้าไปเล่นด้วย เพราะสังคมไทยมีการรับรู้ต่อเด็กอ้วนว่าน่ารัก น่าเอ็นดู แต่ละบ้านจึงตามใจลูก ขุนลูก หยิบยื่นให้ลูกไม่ให้อดอยาก ผลลัพธ์ไม่ใช่ความน่ารักที่ยั่งยืน แต่เป็นการสร้างปัญหาสุขภาพให้แก่ลูกในอนาคต
สง่า ดามาพงษ์ ผจก.โครงการโภชนาการสมวัยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กล่าวในเวทีเสวนา "ทราบแล้วเปลี่ยน...โรงเรียนซ่อนอ้วน" เมื่อวันก่อนว่า ในปัจจุบันมีจำนวนเด็กไทยอ้วนลงพุงมากถึง 540,000 คน
จากเดิมในปี 2538 เด็กไทยเผชิญภาวะผอมขาดสารอาหาร ต่อมาในปี 2544 มีจำนวนเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผม 1.6 เท่า และในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า
จำนวนเด็กอ้วนที่มากขึ้นนำไปสู่โรคอันตรายมากมาย อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน กระดูกและข้อผิดปกติ ถ่ายทอดลักษณะอ้วนทางพันธุกรรม ฯลฯ โดยโรคอ้วนนั้นเป็นผลมากจากพันธุกรรมร่วมกับสิ่งแวดล้อม เช่น การรับประทานอาหาร ลักษณะการใช้ชีวิต
ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ระบบเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาลผิดปกติ กระดูกและข้อผิดปกติ เช่น กระดูกโค้งงอ ขาโก่ง เท้าแบน โรคผิวหนังอักเสบติด เชื้อง่าย นอนกรน
หยุดหายใจขณะหลับ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วกว่าปกติ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีบุตรยากเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ตับและถุงน้ำดีอักเสบ ในรายที่กินผักน้อยจะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสูงเพิ่มมาด้วย
สง่า เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า การบริการอาหารภายในโรงเรียนมีนัยสำคัญต่อจำนวนเด็กอ้วน โดยโรงเรียนที่จัดผลไม้เป็นอาหารว่างจะมีจำนวนเด็กอ้วนน้อยกว่าร้อยละ 30
การรับประทานอาหารเป็นปัจจัยสำคัญมากเด็กไทยมักละเลยอาหาราเช้าหรือกินอาหารเช้าที่ไม่มีคุณภาพ ยิ่งมื้อเที่ยงในโรงเรียน เด็กที่กินไม่อิ่มมักเอาเงินไปซื้อของทอด ของว่าง ขนมกรุบกรอบและน้ำอัดลม
เหล่านี้ให้พลังงานสูงพอที่จะทำให้เด็กมีไขมัน (คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันชนิดแอลดีแอล) ในเลือดสูง เมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจมากขึ้น
ขณะที่โรงเรียนที่ได้สปอนเซฮร์เป็นบริษัทน้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ จะมีเด็กอ้วนประมาณ 1.5 เท่าของโรงเรียนที่ไม่มีสปอนเซอร์ โรงเรียนที่จำหน่ายน้ำอัดลมให้เด็ก จะมีเด็กอ้วน 2 เท่าของโรงเรียนที่ไม่ได้จำหน่ายและโรงเรียนที่จัดให้มีการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะมีเด็กอ้วนน้อยกว่าร้อยละ 20
โภชนาการไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตามใจ แต่เป็นเรื่องที่ทางโรงเรียน ผู้ปกครองจะต้องใส่ใจให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนทุกมื้อ เป็นไปได้ให้เปลี่ยนขนมหวานเป็นผลไม้ เปลี่ยนน้ำอัดลมเป็นน้ำผักผลไม้ไม่เอาร้านค้า รถเข็นที่ขาย แต่ของหวานมันทาน แล้วอ้วนง่าย เพราะเรื่องนิสัยการกินนั้นฝึกกันได้ อย่าตามใจจนลูกเสียนิสัย เสียสุขภาพเลยครับ
3อ.ช่วยให้ผอมได้
แนะเคล็ดลับลดความอ้วนด้วยสูตร 3 อ.เริ่มจาก อ.อาหาร ต้องทาน 3 มื้อให้ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่เน้นข้าว แป้ง ของหวาน มัน เค็ม จนเกินไป
อ.ออกกำลังกาย ส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมทางกายเผาผลาญไขมันครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง
และอ.สุดท้ายคือ อารมณ์ หมั่นสร้างแรงจูงใจ ความเชื่อมั่น ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องลดน้ำหนักให้ได้เพราะหลัก 3 อ.ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพายาลดความอ้วนให้เปลืองเงินและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเลยสักนิด
ร่วมแชร์ประสบการณ์ภัยสังคมที่พบเห็นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ส่งมาที่ somchaib@m2fnews.com |
| | |
|
| |
|
pageview 1205886 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |