ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความขี้เกียจ รักสบาย หรือความมักง่ายของผู้ขับขี่กันแน่ ที่ชอบจอดรถไม่ดับเครื่อง บางคนบอกว่ามีตังค์จะทำไม แหม่! ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ จะด้วยเหตุผลอะไรๆ มันก็ไม่ควรทำทั้งนั้นล่ะครับ ถ้าไม่เสียดายน้ำมันก็ควรจะมีจิตสำนึกกันบ้าง คุณรู้หรือไม่ว่าผลจากการจอดรถไม่ดับเครื่องนั้นก่อให้เกิดภัยร้ายมากมายแค่ไหน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบ "จอดรถไม่ดับเครื่อง" ดูข้อมูลเหล่านี้ให้ดีๆ บางทีคุณอาจจะเปลี่ยนความคิดไปเลยก็ได้
          ทุกวันนี้จำนวนรถเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถที่วิ่งตามท้องถนนก็ปล่อยไอเสีย เขม่า ควันดำ ยางเหนียว ซึ่งเป็นพิษเป็นภัยมากพอเกินควรอยู่แล้ว หากเราจอดรถแล้วติดเครื่อง ก็ยิ่งเพิ่มมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ผลาญทรัพยากรน้ำมันให้สิ้นเปลืองโดยไร้ประโยชน์ หลายคนอ่านแล้วอาจยังไม่รู้สึกอะไรด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าบอกว่า ก๊าซพิษในไอเสียรถยนต์มีผลทำให้เชื้ออสุจิอ่อนแอ เป็นหมัน มีบุตรยาก และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งล่ะ พอจะรู้สึกมั้ย
          จากการศึกษาพบว่า ไอเสียจากรถยนต์หากสูดเข้าไปบ่อยๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวาย เส้นโลหิตอุดตัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนแอ เป็นหมัน มีบุตรยาก นอกจากนี้ สารพิษในไอเสียรถยนต์อีกหลายชนิด อย่าง ไฮโดรคาร์บอน เป็นสารก่อมะเร็ง ระคายเคืองหลอดลม ไนโตรเจนออกไซด์ ทำให้ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถ้ามากอาจทำให้ลิ้นไก่สั้น เกิดการหดเกร็ง ปิดทางเดินหายใจ และเสียชีวิตได้ในทันที
          องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้ไอเสียรถยนต์เป็นสารก่อมะเร็ง เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปอด และอาจเป็นสาเหตุของการเกิดก้อนเนื้อในกระเพาะปัสสาวะ เห็นมั้ยครับว่าแค่การขับรถที่ขาดจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมมันก่อให้เกิดภัยร้ายได้มากมายแค่ไหน อย่าคิดว่าเราอยู่ในรถติดเครื่องก็ไม่เห็นจะเป็นไร ลองคิดดูดีๆ ว่าหากวันไหนมีคนมาจอดรถติดเครื่องพ่นควันเสียให้คุณได้ดอมดมบ้างแล้วจะรู้สึกยังไง เอาใจเขามาใส่ใจเรา
          ขับรถอย่างมีจิตสำนึกดีที่สุดนะครับ