นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในพิธีเปิดการประชุมพัฒนานโยบายขจัดโรคจากแร่ใยหิน จัดโดยแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โรงแรมเอเชีย ว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีงานวิจัยถึงอันตรายของแร่ใยหิน (แอสเบสตอส) อย่างชัดเจน ว่ามีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเยื่อหุ้มปอดและมะเร็งปอดได้ส่งผลให้หลายประเทศยกเลิกการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน ซึ่งประเทศไทยเคยมีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประกาศลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินภายในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2549 รวมทั้งมีมติครม.อย่างชัดเจนในปี 2554 เพื่อเลิกใช้ผลิตภัณฑ์จากแร่ใยหิน แต่ในปี 2554 กลับพบปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินมากขึ้น ต้องอาศัยความจริงใจในการแก้ปัญหาจากรัฐบาล และกระทรวงอุตสาหกรรม
นายซูจิโอ ฟูรูยะ เครือข่ายยกเลิกการใช้แร่ใยหินเอเชียประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและประเทศไทย 2555-2559 ระบุว่า ประเทศไทยนำเข้าแร่ใยหินมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งจะเป็นปัญหาที่สำคัญด้านสุขภาพและมีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลในระยะอันใกล้ ประเทศญี่ปุ่นมีประสบการณ์ที่พบผู้ป่วยมะเร็งปอด มะเร็งเยื้อหุ้มปอดที่สัมผัสแร่ใยหินจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องยกเลิกการนำเข้าโดยเร่งด่วนที่สุด
น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคกล่าวว่า องค์กรเพื่อผู้บริโภคได้หารือร่วมกับภาคประชาสังคม และนักวิชาการ โดยมีมติว่าจะจัดตั้งเครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินระดับชาติ โดยมีเจตนารมณ์ดังนี้1.สนับสนุนคำประกาศ การห้ามใช้แร่ใยหินและการกำจัดโรคที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหิน 2549 (The Bangkok Declaration on Elimination of Asbestos and Asbestos-related Diseases 2006) 2.สนับสนุนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่ต้องการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน และ 3.สนับสนุนมติ ครม.เพื่อยกเลิกการนำเข้าแร่ใยหินภายใน 3 เดือน