อีกหนึ่งทางเลือกคือ "โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์"หรือโรงพยาบาลเอสไอพีเอช (Siriraj Piyamaharajkarun Hospital :SiPH) หนึ่งในโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์มี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณินนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการ ที่กำหนดฤกษ์เปิดให้บริการวันที่ 26 เมษายนนี้

          โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานกำเนิดคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่อคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

          นอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ให้บริการ ดูแล รักษาและให้คำปรึกษาผู้ป่วยอย่างครบวงจร มุ่งเน้นการบริการที่เป็นเลิศ มีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

          ที่สำคัญยังมุ่งดำเนินการเพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน จะนำรายได้จากการดำเนินงานกลับคืนคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและช่วยเหลือกิจการของคณะ

          โรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ในบริเวณของโรงพยาบาลศิริราช เป็นอาคารใหม่ ซึ่งอยู่บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี เขตบางกอกน้อยมีทั้งสิ้น 14 ชั้น มีพื้นที่กว้างถึง 165,270 ตารางเมตร ใช้งบประมาณราว 4,000 ล้านบาท

          รูปแบบอาคารเน้นกลิ่นอายของตะวันออก ที่มีลักษณะของความเป็นไทย คือบริเวณภายนอกอาคารออกแบบตัวเสาประดับประดาล้อมรอบบนสุดตัวอาคารเสาเหล่านี้ลอกแบบมาจากภาพวาดผนังสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีทั้งสีแดง สีเขียว สีเหลือง

          ที่สำคัญสถาปนิกไม่ได้ออกแบบแค่ความงดงามเท่านั้น แต่ยังออกแบบให้ตัวอาคารปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม ด้วยสร้างตัวอาคารให้อยู่ภายในอ่างปูนที่มีขอบสูง 3.30 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางเพื่อป้องกันกรณีน้ำท่วมสูง เหมือนมีเขื่อนคอยป้องกันจากภายนอกนั่นเอง

          ภายในอาคารยังมีความตระการตาหรูหราระดับพรีเมียม เริ่มจากตัวล็อบบี้มีความทันสมัย โอ่อ่าใหญ่โต รองรับผู้มาติดต่อทุกคนห้องบริการผู้ป่วยนอก 177 ห้อง ห้องพักผู้ป่วยใน 284 ห้อง ห้องไอซียูอีก 61 ห้อง และห้องผ่าตัดอีก 17 ห้องแต่ละห้องมีการตกแต่งที่สวยงามแทบทุกห้องจะออกแบบให้ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยแนวคิดว่า สบายตาสบายใจย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย

          ขณะที่การบริการรักษาจะเป็นแบบครบวงจรสามารถรักษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคร้ายแรงโรคซ้ำซ้อนที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งแพทย์ที่ปรึกษาทั้งหมดจะเป็นอาจารย์แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชเข้ามาช่วยงาน

          ทั้งนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องภาระงานที่ล้นอยู่แล้ว เพราะแพทย์แต่ละท่านจะจัดสรรเวลาตามข้อบังคับของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ที่ให้จัดสรรเวลาทำงานอื่น นอกเหนืองานหลักได้สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง ส่วนพยาบาลนอกจากว่าจ้างใหม่บางส่วนแล้ว ส่วนใหญ่ยังเป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลศิริราชด้วย

          ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

          ส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ล้วนเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงเช่น เครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เครื่องเร่งอนุภาค (LINAC)เป็นเครื่องฉายรังสีเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีความแม่นยำสูง สามารถรักษาได้ทุกส่วนของร่างกาย มีผลแทรกซ้อนจากปริมาณรังสีน้อยมาก ปัจจุบันภายในประเทศมีเพียง 3 เครื่องเท่านั้น

          นอกจากนี้ ยังมีศูนย์รักษาโรคครบวงจร เช่นศูนย์อายุรกรรม ศูนย์ศัลยกรรม ศูนย์โรคหัวใจศูนย์มะเร็ง ศูนย์รังสีรักษา ศูนย์รังสีวินิจฉัยศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ไตเทียม ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ ศูนย์เบาหวานศูนย์กระดูกและข้อ ฯลฯ

          ส่วนการบริหารงานจะผ่านรูปแบบของคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) โรงพยาบาล ไม่มีผู้ถือหุ้น และไม่มีการแบ่งผลกำไร รายได้หรือผลกำไรทั้งหมดจะกลับคืนไปสู่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช เพื่อพัฒนาระบบการบริการการวิจัย บุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อผู้ป่วยทุกคน

          เบื้องต้นโรงพยาบาลเอสไอพีเอชจะแบ่งการให้บริการออกเป็น 3 ระยะ

          ระยะแรกจะเปิดบริการร้อยละ 30 โดยให้บริการแก่ผู้ป่วยในสาขาอายุรกรรมทั่วไปศัลยกรรมทั่วไป และโรคเฉพาะทางต่างๆ อาทิกระดูก เบาหวาน ไต สมอง ทางเดินอาหารและตับ เป็นต้น จะเริ่มเปิดวันที่ 26 เมษายนนี้

          ระยะที่สองจะเปิดบริการร้อยละ 50 ภายในปี 2556

          ระยะที่สามจะเปิดบริการเต็มรูปแบบภายในปี 2558

          ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ภายในปี 2559 จะเป็นโรงพยาบาลที่น่ายกย่องและน่าชื่นชมที่สุดของประเทศ

          จัดว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีความทันสมัยใหม่ครบทุกด้าน จุดเด่นที่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ คือ เป็นโรงพยาบาลรัฐมีระบบบริหารจัดการที่มีความคล่องตัวสามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน

          รวมทั้งสามารถสนับสนุนพันธกิจและโครงการต่างๆ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ด้านการรักษาก็ครอบคลุมทุกโรค ตามมาตรฐานศิริราช ด้านการบริการยังเน้นความสะดวกสบาย รวดเร็ว บริการด้วยความใส่ใจและอบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน

          ที่สำคัญค่ารักษาพยาบาลแม้จะไม่รองรับสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ แต่ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ต่างๆ ถูกกว่าสถานบริการทางการแพทย์ชั้นนำถึงร้อยละ 20 ที่สำคัญกำไรกลับคืนคณะแพทยศาสตร์ทั้งหมดงานนี้สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับจริงๆ